Yakuza Girl - พิชิตใจสาวยากูซ่า

8.7

เขียนโดย Daimaou_no_Sora

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 15.19 น.

  1 Episode
  15 วิจารณ์
  10.11K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) นักเรียนใหม่ที่ไม่ธรรมดา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-= Yakuza Girl - พิชิตใจสาวยากูซ่า =-

http://www.keedkean.com 

-= Episode 1 : นักเรียนใหม่ที่ไม่ธรรมดา =-

 

             มิ้งๆๆๆ เสียงมวลหมู่แมลงนับร้อยที่ร้องก้องกังวาลไปทั่วทุกสารทิศ บ่งบอกถึงช่วงสุดท้ายของฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ในสวนสาธารณะคิโยชิโนะ มีเด็กชายและเด็กหญิงกำลังยืนอยู่ตรงบริเวณบ่อทราย เขาและเธอกำลังเกี่ยวก้อยทำสัญญากัน โดยมีพระอาทิตย์ยามอัสดงและมวลหมู่แมลงนับร้อย ที่มาเป็นประจักษ์พยานในการทำสัญญาของพวกเขา

 

 

 

“นี่ๆ นายสัญญากับชั้นแล้วนะ ว่าถ้าชั้นกลับมาโตเกียวอีกครั้ง นายจะแต่งงานกับชั้นน่ะ”

 

 

 

“อืม… ได้สิ… ชั้นสัญญา”

 

 

 

“อย่าลืมเด็ดขาดเลยนะ ถ้านายลืมหรือผิดสัญญา นายจะต้องกลืนเข็มพันเล่มนะ”

 

 

 

            เช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิในห้องเรียนสามัญชนทั่วไป เด็กหนุ่มหน้าตาใสชื่อที่ออกจะไปทางซื้อบื้อ กำลังนั่งท้าวคางพลางทอดสายตาออกไปยังภายนอกหน้าต่างห้องเรียน ใบหน้าของเขานั้นบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายผ่านดวงตาสีชาอันเหม่อลอยของเขา สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านเข้ามาทำให้ผมซอยสั้นไม่เป็นทรงสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลม แสงแดดก็ค่อยๆสาดส่องเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความครึกครื้นของบรรดานักเรียนหลายต่อหลายคน ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาตลอดช่วงปิดเทอม ใช่แล้ว…วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนที่ 2 ของ ‘โรงเรียนมัธยม มิคาซากิฮนโนะ’ เป็นวันแรกนั่นเอง แต่ถึงแม้นักเรียนคนอื่นจะแสดงความตื่นเต้นดีใจกับวันเปิดภาคเรียนวันนี้สักเพียงใด แต่เด็กหนุ่มผู่นั้นก็มิได้คล้อยตามเสียงเอะอะที่เกิดขึ้นรอบตัวเลยแม้แต่น้อย…

 

 

 

            เฮ้อ… สวัสดีครับ! อันตัวกระผมนั้นมีชื่อว่า ‘วานิจิม่า โมเอรุ’ หรือจะเรียกว่า ‘โมเอรุ’ เฉยๆก็ได้ คุณคงจะสงสัยล่ะสิ…ว่าผมนั้นเป็นใครกัน ความจริงผมก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะ แต่บทเขาเขียนมาให้บอก ก็เลยจำใจที่จะต้องบอก ผมก็คือ ‘พระเอก’ ของเรื่องนี้ยังไงล่ะ นิสัยน่ะเหรอ? ผมนั้นเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร การเรียนก็อยู่ในขั้นปานกลางลงไปทางล่าง กีฬาเรอะ? หึหึ อย่าให้พูดเลย ไม่เอาอ่าวสักอย่าง และด้วยความที่ผมนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อน ส่วนแฟนน่ะเหรอ เหอะ! แน่นอน…ไม่เคยมีกับเขาหรอก ก็ใช่น่ะสิ! ใครมันจะมาสนใจคนที่ไม่เอาอ่าวอย่างผมกันล่ะ จริงไหม? จะมีก็แค่…

 

 

 

“ไง… ไอ้เกลอ! มาแต่เช้าเลยนะ นายน่ะ…”

 

 

 

            ไอ้หนุ่มผมชี้ตั้งสีน้ำเงินแก่ หน้าตาและท่าทางยียวนกวนประสาทที่เข้ามาทักผมผู้นี้คือ ‘เพื่อน’ คนแรกและคนเดียวตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ มันมีชื่อว่า ‘ทาจิบาน่า โทชิ’ ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งหรืออะไรก็ไม่ทราบ ที่นำพาให้ผมกับมันมาพบกัน แต่จะว่าไปก็เหมือนกับ ‘รักแรกพบ’ เลยนะ อ๊ะ! อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ

 

 

 

“ไง… โทชิ ปิดเทอมเป็นยังไงบ้างล่ะ? เห็นที่บ้านของนายบอกว่า… นายไปเที่ยวต่างประเทศมานี่?”

 

 

 

“อืม… มันก็งั้นๆแหละนะ ก็อย่างว่าแหละนะ คนที่เคยท่องเที่ยวมาทั่วโลกอย่างชั้น จะให้ไปรู้สึกตื่นเต้นหรือสนุกสนานกับมันก็คงยาก”

 

 

 

“ฮ่ะๆ นะ…นั่นสินะ?”

 

 

 

            ผมได้แต่หัวเราะร่วนๆ แต่ในใจผมนั้นไม่อยากบอกเลยว่า… รู้สึกอิจฉามันเป็นบ้า! แต่ถึงจะอิจฉามันไปก็เท่านั้น… เพราะผมไม่ได้มีพ่อเป็นประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น แถมยังมีบริษัทที่อยู่ในเครือทาจิบาน่ากรุ๊ปอีกกว่า 200 แห่งอย่างมันนี่นา ซึ่งแตกต่างจากพ่อของผมโดยสิ้นเชิง พ่อของผมนั้นเป็นแค่พนักงานบริษัทที่กินเงินเดือนทั่วๆไป แถมยังมีภาระต้องผ่อนส่งค่าเช่าบ้าน ค่ารถ รวมไปถึงค่าเล่าเรียนของผม และอื่นๆอีกมากมาย เฮ้อ~~ คุณคงจะคิดว่าชีวิตของผมนั้นมันช่างน่าอดสูสินะ?

 

 

 

            ครืด~~ บานประตูเลื่อนถูกเปิดออก หญิงสาวท่าทางภูมิฐานหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโตสีม่วงเข้มที่หลบซ่อนอยู่ใต้แว่นตารูปครึ่งวงกลมของเธอ ทำให้เธอมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก และไว้ผมยาวประบ่าสีม่วงอ่อน อยู่ในชุดเดรสยาวเลยเข่าสีเขียวอ่อน และสวมเสื้อแขนยาวสีขาวทับเอาไว้อีกชั้น เธอเดินเข้ามาในห้องด้วยอาการเกร็งนิดๆ ก่อนจะวางแผ่นคลิบบอร์ดสีแดงแจ๋ที่หนีบบึกกระดาษ A4 เอาไว้ลงบนโต๊ะ ในนั้นมีกระดาษที่มีรายชื่อนักเรียนทุกคนในห้องอยู่ หลังจากที่เธอวางแผ่นคลิบบอร์ดลงบนโต๊ะแล้วเธอก็หยุดนิ่งสักพัก ความเงียบเริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในห้อง ไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าที่จะเอ่ยปากเลยสักคน และแล้ว…

 

 

 

“วะ… วันนี้ คะ… ครูจะแนะนำ นะ… นักเรียนใหม่ให้ ทะ… ทุกคน ดะ… ได้รู้จักกัน นะ… นะจ๊ะ…”

 

 

 

            เธอคนนี้มีชื่อว่า ‘สุเมรางิ จิไรฮะ’ หรือ ‘จี้จัง’ ที่นักเรียนต่างพากันเรียกเธอว่า จี้จัง ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นคน จู้จี้ขี้บ่น หรืออะไรหรอกนะ แต่ผมเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่ค่อยที่จะสนใจกับเรื่องของคนอื่นมากนัก ว่าแต่… ทำไมอาจารย์ต้องแสดงท่าทีลุกลี้ลุกลนขนาดนั้นด้วยนะ เพราะปรกติอาจารย์จะเป็นคนที่ใจเย็น สุภาพเรียบร้อย สมกับเป็นกุลสตรีทุกอย่าง พูดง่ายๆก็เหมือนกับผ้าขาวที่พับเอาไว้อย่างเรียบร้อยนั่นแหละนะ

 

 

 

            ครืด~~ บานประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่น ไม่ใช่ทั้งนักเรียนหรืออาจารย์ แต่มันคือชายร่างใหญ่หน้าตาบึ้งตึง สวมแว่นตากันแดดสีดำสนิท กล้ามหนาเป็นมัดๆ ผู้มาในเสื้อแขนยาวรัดรูปสีดำเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อซิกแพ็คของเขาอย่างเด่นชัด สวมกางเกงหนังกึ่งสเล็คสีดำ เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาในห้องอย่างช้าๆและมั่นคงราวกับคนเหล็กที่หลุดออกมาจากหนังเรื่อง Terminator ก็มิปาน จะต่างกันก็ตรงที่ชายผู้นี้ไม่ใช่ อาโน ก็เท่านั้น แต่ด้วยบุคลิกโดยรวมของเขาทำให้มันเหมือนอย่างบอกไม่ถูก และถ้าหากสังเกตุดีๆ ด้านนอกยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำท่าทางไม่น่าไว้วางใจยืนอยู่อีกเพียบ

 

 

 

            ผมแทบตกจากเก้าอี้ เมื่อเห็นชายคนนั้น คนเหล็ก อย่างงั้นเหรอ!? อะไรกันเนี่ย? นี่อย่าบอกนะว่า ตาลุงกล้ามใหญ่คนนี้คือ ‘นักเรียนใหม่’ คนนั้นน่ะ ไม่จริ๊งงงงงงงงง! มาตราฐานในการรับนักเรียนของที่นี่มันตกต่ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย! เฮ้ยๆ แถมดูยังไงตาลุงนี่อายุก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ 30+ เลยนะ!

 

 

 

“เอ่อ… คะ… คือว่า?”

 

 

 

            เฮ้ยๆ จี้จัง เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก ดูยังไงชายคนนั้นมันก็ไม่ใช่คนที่น่าไว้วางใจนะ ไปทักมันทำไมกันเล่า โถ่… แล้วคนอื่นๆมัวแต่นั่งอึ้งกันอยู่ทำไมล่ะ ไม่มีใครคัดค้านกันบ้างเลยรึไง แต่จะว่าไปผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกไปเหมือนกันนั่นแหละเนอะ… เฮ้อ~~ ถ้าผมมีความกล้ามากกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงจะดีหรอกนะ

 

 

 

            ชายกล้ามใหญ่เผยฝ่ามือให้กับอาจารย์สาวเป็นเชิงห้ามปราม หล่อนรีบหุบปากน้อยๆของหล่อนโดยทันที พลางกระโจนไปนั่งชันเข่าหลบคุดคู้อยู่ตรงมุมห้อง และตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาหันไปทางกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทพลางพยักหน้าให้เล็กน้อย ชายฉกรรจ์เหล่านั้นแยกกลุ่มออกจากกันทันที เพื่อเปิดทางให้กับใครบางคนที่อยู่ข้างหลังกลุ่มของพวกเขา

 

 

 

“เชิญครับคุณหนู”

 

 

 

“ขอบใจนะ คุณยาอิจิโร่”

 

 

 

            หญิงสาวผมยาวสลวยสีส้มประกายทอง ในชุดนักเรียนหญิงที่เป็นสูทสีน้ำเงินกรมท่า มีเครื่องประดับเป็นเน็ทไท้สีแดงสดซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกชั้นปี กระโปรงจีบสั้นเหนือเข่าลายสก๊อตสีแดง สวมถุงเท้ายาวเกือบถึงเข่าสีขาว รองเท้า *สลิปเปอร์ โดยทั่วๆไป เธอค่อยๆย่างก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสุขุมและเยือกเย็นก่อนจะไปหยุดอยู่ข้างๆชายกล้ามใหญ่คนนั้น ท่าทางที่งามสง่าและเยือกเย็นของหญิงสาวผู้นั้น สะกดบรรดานักเรียนคนอื่นๆที่อยู่ในห้องให้อยู่นิ่ง บรรยากาศที่กดดันเมื่อครู่ค่อยๆลดลงอย่างน่าใจหาย ริมฝีปากของเธอค่อยเปิดออกอย่างช้าๆ

 

 

 

“สวัสดี ชั้นชื่อ ‘สึคาสะ ชิอินะ’ เพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากไซตามะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วย…”

 

 

 

            การแนะนำตัวห้วนๆไม่มีหางเสียง บ่งบอกถึงอุปนิสัยนิสัยที่มั่นใจในตัวเองสูงของเธอผู้นั้นเป็นอย่างดี แว๊บแรกที่ผมเห็นนักเรียนใหม่คนนั้น ผมคิดว่าเธอจะเป็นคนที่น่าจะสุภาพและสำรวมมากกว่านี้ซะอีก แต่จะว่าไป... เธอก็ดูน่ารักดีนะ เอ๊ะ! อะไรกันเนี่ยอย่าบอกนะว่าผมรู้สึกสนใจนักเรียนใหม่คนนั้นขึ้นมา ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกันเนี่ยนะ? ไม่ใช่ล่ะมั้ง ฮ่ะๆ

 

 

 

“Teacher... you จะให้ my daughter ต้องยืนอยู่อย่างนี้ทั้งวันเลยรึไงกัน?”

 

 

 

            เสียงยานคางและทุ้มต่ำที่เป็นการผสมปนเประหว่างภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นที่ฟังดูข่มขวัญนั้น เอ่ยขึ้นมาลอยๆโดยมีเป้าหมายไปที่ จี้จัง แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่หันไปมองอาจารย์สาวที่กำลังตัวสั่นเทิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าจะไม่มีการตอบรับจากอาจารย์สาว เขาจึงหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์นั่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่คำสั่งให้แหวกทาง แต่มันคือคำสั่งให้ชักอาวุธของตัวเองออกมา กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างชักอาวุธของตนออกมา เกร๊กๆๆ!! ทั้ง ดาบซามูไร ปืนพก ต่างก็ถูกชักออกมาอย่างครึ่งๆกลางๆ แต่ไม่วายที่พวกเขาจะตีสีหน้าอำมหิตใส่อาจารย์สาวเป็นเชิงขู่

 

 

 

            และดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย อาจารย์สาวรีบดันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนจะก้าวเข้าไปยังจุดที่เธอสมควรจะอยู่นั่นคือโต๊ะตัวสูงที่อยู่หน้ากระดานดำ ที่มีชายกล้ามใหญ่กับนักเรียนใหม่ยืนรอเธออยู่ เธอกลืนน้ำลายลงคอดัง ‘เอื้อก!!’ เหงื่อเริ่มอาบเต็มใบหน้า แสดงความกดดันและตรึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอต้องทำให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปโดยเร็วที่สุด มันจะไปยากอะไรก็แค่ ระบุที่นั่งให้นักเรียนใหม่ ก็แค่นั้น แต่ก่อนที่เธอจะกล่าวอะไร อยู่ๆชายกล้ามใหญ่ก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของเธอ ซึ่งเมื่ออาจารย์สาวได้ฟังสิ่งที่ชายกล้ามใหญ่บอก ก็ต้องตีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยพลางส่งสายตามาที่ โมเอรุ ที่นั่งนิ่งอยู่และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

“งะ… งั้นที่นั่งของ สึคาสะจัง อะ… เอาเป็น หะ… ให้นั่งข้างๆ วานิจิม่าคุง ก็แล้วกันนะจ๊ะ…”

 

 

 

            อ้าว!? ไหงงั้นล่ะ จี้จัง อยู่ๆก็ปาขี้มาให้ซะงั้น เฮ้ย! ไม่สิ… แล้วมันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมในตอนนี้คือ โทชิคุง นะ ที่ว่างข้างๆ ‘อุเอชิม่าซัง’ ก็มี แล้วแก… โทชิ จะรีบเก็บข้าวเก็บของไปทำไม!?

 

 

 

“โชคดีนะเพื่อน… ดีใจนะที่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับนาย ชั้นไปก่อนล่ะ…”

 

 

 

            คำพูดและสีหน้าที่เหมือนกับว่าชั้นมันน่าสมเพชแบบนั้นมันหมายความว่าไง เฮ้ย!! เดี๋ยวสิ โทชิ แกยังเป็นเพื่อนกับชั้นอยู่รึเปล่า? อยู่ด้วยกันก่อนสิ อะ… เอาแล้วไงเธอเดินมาโน่นแล้ว แย่แน่ๆตู… ทำไมสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งกันแบบนี้ด้วย!!

 

 

 

“สวัสดี ที่ตรงนี้ ชั้นขอนั่งได้รึเปล่า?”

 

 

 

“อะ… เอ่อ… อืม…”

 

 

 

            ยิ่งมองใกล้ๆเธอก็ยิ่งน่ารัก แตกต่างจากผู้เป็นพ่อของเธอยิ่งนัก คงจะได้จากแม่มาล่ะสิ? โดยเฉพาะซาลาเปา 2 ลูกนั่น เหอะๆ เฮ้ย!! นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย!? นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดแบบนี้นะ ว่าแต่… ชายกล้ามใหญ่คนนั้นที่เป็นพ่อของเธอล่ะ เขาหายไปไหนแล้ว? แล้วทำไมคนอื่นๆถึงมองมาที่เรากันหมดล่ะ? หึหึ… คงจะอิจฉาชั้นอยู่สินะ? คงจะเป็นเรื่องที่ต้องถูกจารึกเอาไว้เป็น เรื่องประหลาดอันดับที่ 8 ของโรงเรียนมิคาซากิฮนโนะ สินะ? ใช่สิ… อยู่ๆก็มีนักเรียนใหม่ที่แสนน่ารักมานั่งข้างๆคนที่ไม่เอาอ่าวอย่างผมแบบนี้ เอ๊ะ! อะไรแข็งๆหนักๆมาจับที่บ่าของเราตั้งแต่เมื่อกี้กันนะ?

 

 

 

“Hello boy… ฝาก take care my daughter ด้วยล่ะ ถ้าแกทำให้ she ต้องเสียใจล่ะก็ แกโดน… TERMINATE!! แน่…”

 

 

 

            ความรู้สึกราวกับโดนสัตว์ป่าที่ดุร้ายจ้องเหมือนกับจะฆ่ากันแบบนี้มันอะไรกัน แล้วทำไมผมจะต้องรับหน้าที่ดูแลนักเรียนใหม่คนนี้ด้วยล่ะ? เธอมีอะไรเกี่ยวข้องกับผมอย่างนั้นเหรอ? ผมลองค้นหาในเซลีเบลลัมในสมองอันน้อยนิดก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะ นับจากนี้ไปชีวิตนักเรียนสามัญชนของผม คงจะต้องมีอะไรเปลี่ยนไปจากนี้เป็นแน่แท้…

 

 

 

-= Episode 1 End =-

 

 

 -= To be continue Episode 2 =-

 

 

 

-= เกร็ดความรู้ =-

 

 

 

สลิปเปอร์ [Slipper]

 

 

 

- ว่ากันตามตรงมันก็คือรองเท้าเตะที่เอาไว้ใส่ในบ้านทั้วๆไปนั่นล่ะ แต่สำหรับโรงเรียนมัธยมของประเทศญี่ปุ่นแล้ว สลิปเปอร์ คือรองเท้าที่เอาไว้ใช้สำหรับเปลี่ยนตอนก่อนจะเข้าอาคารเรียน เพราะนักเรียนญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่จะไม่ใส่รองเท้านักเรียนออกจากบ้านเหมือนกับประเทศไทยของเรา นักเรียนญี่ปุ่นสามารถใส่รองเท้าอะไรมาโรงเรียนก็ได้แต่ขอให้สุภาพจะ ผ้าใบ หรือ รองเท้าหุ้มส้นอื่นๆก็ได้ แต่เมื่ออยู่ที่ในอาคารเรียนแล้วทุกคนจะต้องสวม สลิปเปอร์ โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่อาจารย์เองก็ต้องสวมใส่มัน แต่ถ้าหากว่ามีวิชาที่ต้องออกไปเรียนกลางแจ้ง เช่น วิชาพละศึกษา ก็จะเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบของตนเองแทน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา