เจ้าชายขบถ...รักษ์

9.5

เขียนโดย RATH

วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 12.49 น.

  9 chapter
  35 วิจารณ์
  22.80K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1 องครักษ์คนใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เจ้าชายขบถ...รักษ์

 

 

 

 

http://www.keedkean.com

 

 

แนะนำตัวละครบางตัวก่อนครับผม

 


 

http://www.keedkean.com

 

 

http://www.keedkean.com

 

 

 

 

บทที่ 1



องครักษ์คนใหม่

 


“หาตัวนังสารเลวนั้นพบมั้ย... นังสารเลวนั้นทรยศพวกเราต้องตามฆ่ามันให้จงได้ไม่อย่างนั้นพวกเราถูกเปิดโปงแน่”

 

“ยังหาตัวมันไม่พบเลยครับ นังสารเลวนั้นมันขโมยข้อมูลของพวกเราไปด้วยครับ ถ้าฆ่านังสารเลวนั้นทิ้งซะตอนนี้ พวกเราก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยนะครับ ว่าข้อมูลของพวกเราถูกขโมยไปซ้อนไว้ที่ไหน มันจะดีหรือครับ”

 

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องข้อมูลบ้าบอนั้นอีกแล้ว หากนังสารเลวนั้นเอาเรื่องของเราไปเปิดโปงรายงานกับเจ้านายพวกเราต่างก็ไม่มีทางรอดแน่ มีทางเดียวต้องฆ่านังผู้หญิงสารเลวนั้นทิ้งซะที่นี้...จะปลอดภัยมากที่สุด เข้าใจมั้ย”

 

“ครับ....”

 

“ดีมาก ตามหานังสารเลวนั้นต่อไป แกไปทางนั้น  เดี๋ยวข้าจะไปทางด้านนี้ ถ้าเจอตัวนังสารเลวนั้นยิงทิ้งได้ทันที ไม่ต้องปราณี”

 

“ครับ...”



……………………………………………….

 


“องครักษ์ภาวิต...องครักษ์ภาวิต....องครักษ์ภาวิต”

 

“ครับ...เออ..พะ..ยะ..คะ..เจ้าชาย”

 

“ข้าเรียกเจ้าซ้ำๆ กันหลายครั้งเหมือนเจ้าจะไม่ได้ยินเสียงข้า เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่รึ...ภาวิต เจ้าองครักษ์จอมขี้เกียจหรือเจ้าจะเริ่มง่วงนอนแล้วก็กลับบ้านพักไปนอนได้แล้ว อย่าได้มายืนเหม่อลอยคิดอะไรอยู่แถวๆนี้ ข้าไม่ชอบ...”

 

“ข้า...เออ...กระหม่อมกลับบ้านพักได้แล้วจริงๆหรือครับ...เออ พะยะค่ะ”

 

“เจ้านี้เป็นอะไรพูดจาอ่ำๆ อึ้งๆ เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งนานวันเจ้ายิ่งแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน เจ้าฟังข้าไม่ผิดหรอก วันนี้ข้าไม่มีธุระอะไรจะต้องใช้เจ้าอีกแล้ว กลับบ้านพักไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”

 

“พะยะค่ะ...เจ้านาย...เออ...ขอประทานอภัยครับ....พะยะค่ะเจ้าชายกระหม่อมขอตัวกลับก่อน กระหม่อมทูลลา...”

 

เจ้าชายกิติศักดิ์จ้องมองแผ่นหลังเล็กๆขององครักษ์หนุ่มน้อยหน้าตาดี ก้าวเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไปเงียบ หนุ่มน้อยหน้าตาคล้ายคลึงกับอิสตรีแสนสวยทุกประการหากนำหนุ่มน้อยองครักษ์คนใหม่ของพระองค์มาถอดชุดราชองครักษ์ออกแล้วนำเสื้อผ้าพิมพาภรณ์อย่างอิสตรีมาสวมใส่ให้แทนองครักษ์คนใหม่ของพระองค์ก็จะไม่ต่างอะไรจากหญิงสาวทั่วไปหรืออาจจะสวยสดงดงามแรกแย้มยิ่งกว่านางข้าหลวงนางสนมทุกๆคน ในพระราชวังมหภาคเดือนตะวันแห่งนี้ พระราชวังที่พระองค์ทรงประทับอยู่ในขณะนี้เลยที่เดียว... เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นปลุกความคิดอันแปลกประหลาดของเจ้าชายกิตศักดิ์ให้ลืมเลือนหายไปจนหมดสิ้นในทันที


“ท่านพี่มีอะไรถึงโทรมาดึกดื่น น้องกำลังจะเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้ถึงคุยกันได้มั้ย”


“อะ อ๊ะ อ่า...น้องพี่เจ้ากำลังจะเข้าบรรทมแล้วรึ ไม่คิดว่ามันจะเร็วไปหน่อยหรือไงน้องพี่ เราน่าจะมาดื่มน้ำจัณฑ์เคล้านารีสังสรรกันประสาพี่น้อง ...มาสนุกสนานร่วมกันหน่อย พี่ว่ามันน่าจะดีมากๆนะ น้องพี่เจ้าว่าไง...เจ้าชายกิติศักดิ์ว่าที่องค์รัชทายาทผู้กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้สืบต่อราชบัลลังก์รัฐอิสระมหภาคเดือนตะวัน...”


“ท่านพี่กำลังเมาน้ำจัณฑ์ ทรงเข้าบรรทมได้แล้ว น้องก็จะเข้าบรรทมเช่นกัน พรุ่งนี้เราถึงค่อยพบและสนทนากันใหม่ แค่นี้นะครับ ท่านพี่..”


“อะ อ๊ะ อ่า...ทรงเดี๋ยวก่อนน้องพี่...เออ..”


“ท่านพี่มีอะไรก็ทรงพูดมาตรงๆเร็วๆเถอะอย่าได้อ่ำๆ อึ้งๆ เลย น้องไม่ชอบ”


“แม๊ แม๊...แหม๊ น้องพี่นี้หทัยร้อนจริงๆ พี่โทรมาหาน้องนี้ก็ไม่ได้เมาน้ำจัณฑ์อะไรหรอก พี่แค่แกล้งเมาน้ำจัณฑ์เล่นไปอย่างนั้นเอง วันนี้พี่ไม่ได้ดื่มสุราเมรัยแม้แต่เพียงนิดเดียว ยังคงสติเหมือนเดิมดีร้อยเปอร์เซ็นต์”


“ท่านพี่น้องเชื่อท่านพี่แล้วรีบพูดธุระของท่านพี่มาเถอะ น้องง่วงนอนเต็มทนแล้วจริงๆ”


“พี่จะพูดเรื่ององครักษ์ของน้อง วันนี้พี่ได้คัดเลือกองครักษ์หน้าตาดีสะสวยงดงามมาได้คนหนึ่งอยากจะส่งไปให้ปรนนิบัติน้องพี่ เจ้าชายองค์รัชทายาทจะทรงยอมรับน้ำใจของพี่หรือไม่”

 

“ท่านพี่ทรงอย่าล้อเล่นกับน้องเช่นนี้ ท่านพี่อนุราชเอาความคิดเหลวไหลเช่นนั้นมาจากไหน ใครบอกน้องต้องการจะได้องครักษ์หน้าตาสะสวยกัน น้องต้องการเพียงแค่องค์รักษ์ที่มีความรู้ความสามารถขยันทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างรับผิดชอบในงานที่ทำก็เท่านั้น ส่วนองครักษ์หน้าตาดีสะสวยไร้สมองน้องจะเอามาให้ปรนนิบัติทำไม แล้วท่านพี่ก็อย่าได้เอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาพูดคุยกับน้องอีกยิ่งเวลาดึกๆดื่นๆ เช่นนี้ด้วย น้องไม่ทรงชอบ”

 

“แม๊ แม๊ แหม๊...น้องพี่อย่าได้ทรงปฏิเสธน้ำใจของพี่เลย ใครๆในเวียงวังต่างก็รู้กันทั้งนั้น น้องพี่พึ่งพอใจหนุ่มน้อยหน้าตาดีสะสวยโดยเฉพาะองครักษ์คนใหม่ของน้อง เห็นข้ารับใช้ในเวียงวังต่างบอกเล่ากันปากต่อปากว่าน้องพี่ทรงชอบหนุ่มน้อยหน้าตาดีสะสวยงดงามยิ่งนักจริงหรือไม่น้องพี่”

 

“หากท่านพี่ทรงอยากรู้อยากเห็นนักพรุ่งนี้ก็ทรงทูลเสด็จมาทอดพระเนตรเองดีหรือไม่และจะได้รู้ว่าระหว่างองครักษ์ที่ท่านพี่ทรงคัดเลือกมาให้ปรนนิบัติน้องจะหน้าตาสะสวยงดงามเท่าเทียมกันกับของน้องหรือไม่”

 

“ฟังน้องพี่ทรงพูดท่าทายเช่นนี้แล้ว ก็แสดงว่าเป็นความจริง องครักษ์ของน้องคงหน้าตาสะสวยงดงามเป็นหนึ่งไม่มีสองรองใครแน่ๆ มิน่าล่ะองค์รักษ์กี่คนต่อกี่คนที่พี่คัดเลือกส่งไปให้คอยรับใช้น้องถึงถูกไล่ออกเดือนต่อเดือนจนพี่ จนสิ้นซึ่งปัญญาจะจัดสรรคัดเลือกส่งไปให้รับใช้น้องพี่อีกแล้ว ที่แท้น้องพี่ก็ทรงชมชอบหนุ่มน้อยร่างกายบอบบางเยื่ยงอิสตรีนี้เอง หนุ่มใหญ่ร่างกายแข็งแรงบึกบึนอย่างโคถึกชายชาตรีชาตินักรบน้องพี่ไม่แลและไม่คิดจะสนใจ”

 

“ท่านพี่ครับ น้องไม่ขอออกความเห็นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ขององครักษ์ในเวียงวังนะครับ พรุ่งนี้น้องมีประชุมกับท่านรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญของรัฐบาลหลายคน อย่าเอาเรื่องซุบซิบนินทากาเลไร้สาระในเวียงวังมาสิ้นเปลืองเวลาของน้องเลย...แค่นี้นะครับน้องต้องเข้าบรรทมแล้ว”

 

“ปี๊บ...”

 

เสียงกดตัดสายโทรศัพท์ดังขึ้นและเงียบลง แต่ดวงหทัยเจ้าชายหนุ่มยังคงส่งเสียงดังปี๊บๆ...มันดังเช่นเดียวกันกับเสียงโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสายทิ้งไปแล้วและดวงหทัยก็กำลังเต้นรุนแรงเหมือนกำลังถูกกระหน่ำยิงรัวใส่ด้วยปืนกลอย่างไม่หยุดยั้ง เจ้าชายทรงคิดคำนึงถึงวงหน้าอันงดงามสะสวยขององครักษ์หนุ่มคนใหม่ ...พระเจ้า!! ...พระองค์ทรงผิดปกติไปจริงๆหรือนี้ พระองค์ทรงต้องเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์โดยเร็วและเร่งด่วนเสียแล้วหากพระองค์ทรงผิดปกติไปแล้วจริงๆ ตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาทแห่งประเทศมหภาคเดือนตะวันก็คงต้องตกไปอยู่ในมือของท่านพี่เจ้าชายอนุราชอย่างแน่นอน

 

ท่านพี่อนุราชมีความสนใจแต่ความบันเทิงเริงรมณ์สนุกสนานทรงชอบดื่มแต่สุราเมรัยและเคล้านารีเล่นไปวันๆ  ยิ่งในเวลานี้ท่านพี่อนุราชกำลังมีความสนใจในข่าวลือภายในวังมหภาคเดือนตะวันจากการซุบซิบนินทากาเลกันของนางข้าหลวงและนางใน เสียงซุบซิบนินทากาเล ต่างบอกเล่ากันปากต่อปากถึงความพึ่งพอใจและชมชอบใจของพระองค์ที่มีต่อราชองครักษ์หนุ่มหน้างดงามสะสวย

 

อันเป็นปริศนาที่ทุกคนแม้กระทั้งพระองค์เองก็ไม่ทรงสามารถบอกเล่าแก่ใครได้ว่ามีความรู้สึกเช่นไรต่อราชองครักษ์หนุ่มหน้าตางดงามสะสวยกันแน่ พระองค์ได้นำพาองครักษ์หนุ่มน้อยให้เข้ามาคอยรับใช้เป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์อย่างมีปริศนาเงื่อนงำ จนถึงวันนี้ต่างก็เกิดคำถามขึ้นในดวงหทัยเจ้าชายกิติศักดิ์อย่างมากมาย ทั้งเรื่องความรู้สึกของดวงพระหทัยและความเป็นมาอันแท้จริงของราชองครักษ์ปริศนา เจ้าชายหวนคิดถึงคำนึงถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดว่ามันได้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เจ้าชายนึกย้อนวันเวลากลับไปยังเมื่อเพลาสองเดือนที่แล้ว...

 

“เจ้าชายนี้คือหลานชายของข้ามีชื่อว่าภาวิต เจ้าชายได้โปรดรับหลานชายของข้าเป็นราชองครักษ์ในวังด้วยเถอะ ขณะนี้หลานชายของข้ากระหม่อมเหลือตัวคนเดียวแล้วจริงๆเมื่อสิ้นกระหม่อมเจ้าภาวิตมันก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว ได้โปรดสงสารราชองครักษ์แก่ๆ ใกล้ตายคนนี้ด้วยเถอะเจ้าชายกิติศักดิ์”

 

อดีตราชองครักษ์ประจำพระองค์ของพระบิดาได้เอ่ยปากขอร้องให้ช่วยดูแลเด็กหนุ่มน้อยก่อนจะสิ้นใจตายจนถึง ณ เวลานี้เด็กหนุ่มน้อยหน้าตาสะสวยเช่นอิสตรีก็อยู่สุขสบายดีและกำลังจะทรงทำให้พระองค์ทรงตกที่นั่งลำบากบัลลังก์แห่งมหภาคเดือนตะวันคงต้องจบสิ้นที่พระองค์นี้เป็นแน่ แล้วต่อไปพระองค์จะมีพระพักตร์ไปพบหน้าพระบิดาและพระมารดาได้อย่างไร...

 

จบสิ้นกันคราวนี้เป็นแน่ชีวิตของเจ้าชายกิติศักดิ์ แล้วเพลานี้พระองค์จะทรงพระบรรทมหลับดวงเนตรลงได้อย่างไร หากไม่ทรงคิดถึงวงหน้างดงามสะสวยของราชองครักษ์ประจำพระองค์ก่อนเข้าบรรทม... พระเจ้า!!..ทรงเมตตาอย่าให้พระองค์ทรงผิดปกติวิปริตไปเลย เจ้าชายกิติศักดิ์ทรงลุกขึ้นเดินออกจากเก้าอี้ พระที่นั่งแล้วเดินตรงไปยังเตียงพระบรรทมทรงกระโดดตัวลอยดังเช่นขอนไม้ไร้ชีวิตขึ้นไปยังเตียงพระบรรทมหนานุ่มเจ้าชายทรงสปริงตัวลอยขึ้นลงอย่างนึกสนุกแล้วทรงบรรทมแน่นิ่งอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจทรงเอาท่อนแขนหนาใหญ่ขึ้นก่ายพระนลาฏอย่างอมทุกข์ อย่างชายหนุ่มที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดที่ทุกข์ตรม หาทางออกให้แก่พระองค์เองไม่ได้...ชีวิตของข้าคงต้องจบสิ้นแล้วจริงๆ...เสียงร่างเงาของชายหนุ่มในห้วงพระสุบินกำลังพูดกับพระองค์ในคำคืนราตรีกาลอันมืดมิด...

 


...........................................................................

 


“องครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายเดินทางกลับบ้านพักไปแล้วใช่มั้ย”


“ครับท่าน เพิ่งเดินทางกลับครับ”


“ส่งคนเดินตามประกบดูแลความปลอดภัยตามปกติ จนกว่าองครักษ์ภาวิตจะกลับถึงบ้านพัก”


“ครับท่าน...”

 

วันคืนที่ปลอดภัยของชีวิตสายลับและมือสังหารเช่นเธอ ที่เคยแต่ขบถหักหลังต่อพรรคพวกเพื่อนพ้อง มือสังหารที่เคยแต่จับอาวุธปืนและมีดเพื่อเข่นฆ่าชีวิตคนดีคนบริสุทธิ์ เป็นดังเช่นการจับช้อนตักข้าวหรือแปลงสีฟันเสมือนดังการจับอาวุธปืนและมีดเป็นสิ่งของคู่กายไม่เคยให้ห่างไกล จากวันนั้นจนถึงวันนี้การใช้ชีวิตอย่างสุ่มเสี่ยงความเป็นและความตายของเธอก็จบสิ้นไปแล้ว เธอได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดีจากเจ้าหน้าที่สายลับของรัฐบาลประเทศมหภาคเดือนตะวันตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง

 

ในยามนี้จะมีที่ไหนอีกที่จะปลอดภัยเท่ากับการได้อาศัยอยู่ยังพระราชวังมหภาคเดือนตะวันที่ ครั้งหนึ่งพระราชวังมหภาคเดือนตะวันแห่งนี้มันคือสถานที่ที่บิดาเธอเคยอาศัยและทำงานรับใช้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บิดาของเธอใ้ห้การปกป้องคุ้มครองจากกบฏที่คิดจะล้มล้างพระราชบัลลังก์จนกระทั้งจบสิ้นชีวิตลง บิดาผู้จงรักษ์ภักดีของเธอถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันก่อการกบฏล้มล้างพระราชบัลลังก์แห่งประเทศมหภาคเดือนตะวัน ส่งผลให้ทุกคนในครอบครัวของเธอถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนที่สืบทอดต่อกันมาหลายสิบรุ่นอย่างเช่นรัฐอิสระมหภาคเดือนตะวันแห่งนี้

 

ตัวเธอเองถูกนำตัวแยกออกจากครอบครัว มารดาและญาติมิตรโดยกลุ่มผู้ก่อการกบฏที่ยังคงหลงเหลืออยู่ พรรคพวกกลุ่มก่อการกบฏได้ให้การศึกษาการเรียนรู้และการฝึกฝนฝีมือในวิชาชีพด้านต่างๆ เพื่อที่จะให้เธอได้หวนกลับคืนมาทำภารกิจที่บิดาของเธอยังทำไว้ไม่สำเร็จ ให้สำเร็จเสร็จลุล่วงให้จงได้ เธอเรียนรู้ศิลปะการต่อสู่ทุกรูปแบบเช่นด้านอาวุธปืนและมีดตลอดจนความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ดังเช่นการปลอมแปลง หลอกลวง โกหก และจารกรรมข้อมูล

 

ชายหนุ่มที่มีชื่อว่าภาวิต เป็นเป้าหมายแรกของเธอแม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ภาวิตเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับเธอ ภาวิตเป็นนักศึกษาแพทย์เช่นเดียวกันกับเธอ ภาวิตเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ ภาวิตเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นเดียวกันกับเธอ จนวันหนึ่งชีวิตของเธอและภาวิตก็ได้หล่อหลอมรวมเข้าเป็นซึ่งคนเดียวกันไม่สามารถเปลี่ยนแปรแยกออกจากกันได้อีกต่อไป....


“ภาวิตนี้ซองอะไรใครส่งมาให้นาย...”


“ไม่รู้สิ ฉันเปิดอ่านไปแค่นิดเดียว แต่อ่านยังไม่จบก็เลยขี้เกียจจะอ่าน แต่พอจะสรุปได้ว่าชายแก่ใกล้ตายกำลังตามหาหลานชายซึ่งอาจจะเป็นฉันก็ได้ เธอคิดว่าฉันควรจะไปพบคนแก่ใกล้ตายคนนี้มั้ย บางทีฉันอาจจะได้รับมรดกเป็นแก้วหวานเงินทองหรือเป็นบ้านหลังใหญ่ก็ได้…”


“ภาวิตนายใจร้ายมากนะ พูดล้อเล่นกับคนแก่ที่ใกล้จะตายอย่างนั้นได้อย่างไร เราเป็นนักศึกษาแพทย์ต้องมีจิตใจเมตตาปราณี นายจะเป็นญาติจริงๆหรือญาติปลอมๆ ก็ควรต้องไปหรือแม้ไม่ใช่ญาติก็ควรไปดูเพื่อให้กำลังใจคนแก่ใกล้ตาย ได้มีกำลังใจก่อนจะเดินทางไปจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า นายคงน่าจะเข้าใจนะภาวิต”


“ไม่ละฉันมีเรียน ไม่คิดจะไปดูแลคนแก่หรือคนเจ็บไข้ได้ป่วยอนาถา คนไร้ญาติขาดมิตรยามแก่เฒ่าหรอกนะ ถ้าเธออยากจะสงเคราะห์คนแก่ก็ไปแทนฉันสิ...เออ...แล้วถามคนแก่นั้นมาให้ฉันด้วยล่ะ มีบ้านหลังใหญ่หรือมรดกอะไรเหลือไว้ให้ฉันบ้างบางที่ฉันอาจจะโดดเีรียนและให้ความสนใจไปดูแลหรือช่วยรักษา และเป็นกำลังใจให้ก็ได้”


“ภาวิตนายพูดแรงไปแล้วนะ...”


“ฉันไม่ได้พูดรุ่นแรงอะไร ฉันกับเธอเราต่างก็เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็เห็นแล้วพวกเราต้องต่อสู่ดิ้นรนกันมามากมายขนาดไหน ถึงจะมาจนยังจุดนี้วันนี้ได้ แล้วทำไมคนแก่ใกล้จะตายถึงไม่คิดที่จะติดตามหาตัวฉัน ในยามที่ฉันยากลำบากไร้ที่พึ่งพิง แต่ในยามเจ็บไข้ได้ปวดใกล้จะตายไร้ที่พึงพาจึงถึงเริ่มคิดที่จะติดตามมาค้นหาตัวฉัน ให้ไปคอยดูแลเอาใจใส่ เธอคิดว่ามันยุติธรรมกับฉันแล้วใช่มั้ย...ไม่ล่ะฉันไม่เคยมีญาติมิตรที่ไหนอีกนอกจากเธอ ทุกคนต่างก็ตายจากฉันกันไปหมดสิ้นแล้ว...เธออยากมีครอบครัวไม่ใช่รึไง อย่างนั้นก็ทำตัวเป็นภาวิตแทนฉันสิ”


ชีวิตสายลับจอมขบถตีสองหน้าเช่นเธอ ที่ต้องอยู่อย่างหลบซ้อนและคิดหาเส้นทางหลบหนีอยู่ตลอดเวลาสุดท้ายโอกาสมันก็มาถึงมันได้เปิดให้แก่เธอแล้ว เมื่ออยู่บนเวทีการแสดงเธอคือโรมีโอผู้แต่งตัวเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและแสดงได้อย่างแนบเนียนสมบทบาทแต่ในยามนี้เธอคือภาวิตไม่ใช่โรมีโอและกำลังแต่งตัวเป็นชายหนุ่มเช่นกัน ..ในยามที่เธอทำความดีมีเมตตาต่อคนแก่ใกล้ตาย โดยไม่ได้ตั้งใจไม่ได้คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทน ความดีมีเมตตาก็ได้ส่งผลให้เธอได้เดินทางกลับมายังสถานที่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่ซึ่งบิดาเธอเคยดูแลรักษาปกป้องคุ้มครองไว้จวบจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย ...


“พ่อไม่ได้ก่อการกบฏเชื่อพ่อนะลูก ตามหาหลักฐานให้พบแล้วลบล้างข้อกล่าวหาให้แก่พ่อด้วย”


มันคือคำพูดขอร้องสุดท้ายก่อนที่บิดาของเธอจะถูกนำตัวไปประหารชีวิตหลังจากนั้นไม่นานกลุ่มก่อการกบฏต่อราชอาณาจักรหรือแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของเธอก็นำตัวเธอไปทิ้งไว้ยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้ได้รับการศึกษาเรียนรู้อย่างเช่นเดียวกันกับคนปกติธรรมดาทั่วไปได้รับการศึกษาเรียนรู้ แต่ชีวิตอันปกติธรรมดาของเธอก็เป็นเพียงแค่สิ่งหลอกลวงจอมปลอมตีสองหน้าจอมโกหกหลอกลวงเท่านั้น

 

สิ่งที่เธอต้องทำก็คือการทำตามคำสั่งของกลุ่มก่อการกบฏเท่านั้น เธอต้องทำหน้าที่เป็นดังตัวแทนของบิดาของเธอต้องจับปืนและมีดเข้าต่อสู่เข่นฆ่าคนดีคนบริสุทธิ์ จนกระทั้งถึงภารกิจครั้งล่าสุด ในภารกิจครั้งสุดท้ายมันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอจากมือสังหารของกลุ่มก่อการกบฏให้มาเป็นราชองครักษ์ภวิตผู้คอยปกปักษ์พิทักษ์รับใช้เจ้าชายกิติศักดิ์องค์รัชทายาทแห่งประเทศมหภาคเดือนตะวัน

 

แม้ในอดีตนานหลายปีก่อนพระบิดาของเจ้าชายจะทรงเคยสั่งประหารชีวิตบิดาของเธอแต่ในวันนี้เพลานี้ เธอยังไม่คิดที่จะเข่นฆ่าเอาชีวิตของเจ้าชายองค์รัชทายาทเพื่อแ้ก้แค้นให้แก่บิดาเธอ  ในยามนี้เธอเพียงต้องการที่จะลบล้างข้อกล่าวหาให้แก่บิดาของเธอเท่านั้น ...เธอหวนกลับมาเหม่อลอยคิดคำนึงถึงภารกิจสุดท้ายอย่างจดจำได้อย่างขึ้นใจอีกครั้ง มันคือภารกิจครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะมาพานพบเจอกับเจ้าชายกิติศักดิ์ อย่างไม่เคยจะสามารถลืมเลือนลบเลือนมันได้เลย มันเป็นที่มาของเหตุการณ์เหม่อลอยของเธอในห้องทรงพระอักษรของเจ้าชาย ก่อนที่เจ้าชายกิติศักดิ์จะทรงรับสั่งให้เธอกลับบ้านพักเพื่อมานอนหลับพักผ่อนได้...



......................................................

 


จบบทที่ 1 ต่อบทที่ 2  ภารกิจสุดท้ายของมือสังหาร


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา