~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age]

8.3

เขียนโดย Daimaou_no_Sora

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.46 น.

  12 Lesson
  28 วิจารณ์
  19.45K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนที่ 3]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-= ~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age] - The Chronicle of Zodas =-

 

http://www.keedkean.com

 

-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-

  

-= Lesson 6 : อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนที่ 3] =-

 

 

เจ้าสัตว์ยักษ์นั่นกระทืบขาหน้าของมันอย่างแรง ทันใดนั้นคลื่นกระแทกก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง แต่วิกเตอร์เองก็ไม่ปล่อยให้ตนพลาดท่าอีกเป็นครั้งที่ 2 เขาซัดกำปั้นเหล็กใส่พื้นทันที ทันใดนั้นคลื่นกระแทกที่คล้ายคลึงกันก็ถูกปล่อยออกมาและหักล้างกันเอง

หลังจากที่การโจมตีด้วยคลื่นกระแทกหายไปแล้วเจ้าสัตว์ยักษ์นั่นกระโจนเข้าใส่วิกเตอร์ทันทีและพยายามจะเอานอเรืองแสงของมันเสียบเข้าที่กลางลำตัวของหุ่นของเขาให้จงได้ วิกเตอร์กัดฟันรวบรวมพละกำลังภายในและสมาธิพยายามปัดป้องตัวเองจากการโจมตีของมัน แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เมื่อเขาเริ่มจับจังหวะการโจมตีของมันได้เขาจึงตัดสินใจบังคับหุ่นให้เคลื่อนไหวไหลไปตามการโจมตีของมันแทน เจ้าสัตว์ยักษ์นั่นก็ดูเหมือนจะรู้ว่าการโจมตีของมันเองไม่เป็นผลจึงงัดนอสวนขึ้นมาเอาดื้อๆ จนกระแทกเข้ากับฝาครอบกระจกจนมันเริ่มร้าว

เวรเอ้ย! ขนาดกระจกที่กันแรงปะทะสูงๆได้ยังร้าวเลยเหรอเนี่ย...”

วิกเตอร์เห็นท่าไม่ดีจึงใช้ท่อนแขนทุบที่หลังคอของมันเต็มแรง ซึ่งนั่นก็แค่ทำให้มันชะงักไปชั่วขณะ เขาจึงหาโอกาสสลัดออกจากการคุกวงในของมันให้หลุด และพยายามบังคับหุ่นให้อยู่นอกระยะการโจมตีของมันเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ให้คนอื่นๆโดนลูกหลงไปด้วย ซึ่งทั้งคู่ยังคงแน่นิ่งต่างฝ่ายต่างหยั่งดูเชิงซึ่งกันและกันและในที่สุดวิกเตอร์ก็เอ่ยปากขึ้น

ฟรีน่า! ช่วยหน่อย!”

Andriod สาวไม่รอช้ารีบเข้าไปหาผู้เป็นนายของตนทันที วิกเตอร์วาดนิ้วเป็นวงกลมขึ้นกลางอากาศหุ่นของเขาเองก็ทำตามเช่นกันและทันใดนั้นเมื่อปลายนิ้วโลหะของหุ่นนั่นวนมาบรรจบกัน ประตูมิติเหมือนกับตอนที่วิกเตอร์เอาแคปซูลออกมาก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง

ฟรีน่าไม่รอช้าเธอล้วงแขนเรียวๆที่ดูแข็งกระด้างเข้าไปและชักกลับออกมาพร้อมอาวุธที่ดูเหมือนดาบยาวประมาณ 1.5 เมตร 2 เล่ม แต่ตรงส่วนที่ควรจะเป็นคมดาบกลับไม่มีคมเลยแม้แต่น้อย ฟรีน่าถือมันเอาไว้ในมือทั้ง 2 ข้าง ทันใดนั้นบริเวณข้อมือทั้ง 2 ของเธอ ก็มีสายไฟสีดำประมาณ 2 - 3 เส้น ค่อยๆเลื้อยออกมาและใช้ส่วนที่เหมือนกับหัวต่อ USB เชื่อมต่อเข้ากับปลายด้ามดาบ

สายไฟเหล่านั้นเริ่มเปล่งประกายเป็นสีขาวนวลและที่บริเวณคมของดาบทั้ง 2 ก็เริ่มมีกระแสพลังงานสีขาวอมฟ้าเกิดขึ้น ฟรีน่าควงมันไปมาด้วยท่าทางสง่างามเหมือนกับกำลังเต้นรำ และในระหว่างนั้นก็ดูเหมือนกับจะมีคลื่นพลังงานอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวดาบทันทีที่คลื่นนั่นกระทบกับพื้นก็เกิดรอยบาดขึ้นทันที ฟรีน่าจบการร่ายรำ (กระบี่กระบอง) ของเธอและตั้งท่าเตรียมพลางใช้สายตาเย็นชาของเธอจ้องไปที่สัตว์ยักษ์นั่น

ดร.ครับ! ขอแรงจาก เอมมอนส์ ด้วย!

ช่วยทีนะ”

รับทราบค่ะ Master...”

เอมมอนส์ก้าวออกไปด้วยท่าทีสุขุม เจ้าสัตว์ยักษ์นั่นเห็นว่าตัวเองกำลังจะโดนรุมก็แสดงท่าทีเดือดดาลอีกครั้งแต่คราวนี้แผงเกราะบริเวณไหล่ของมันทั้ง 2 ข้างถูกเปิดออก เผยให้เห็นเนื้อสีแดงอมดำดูแล้วน่าสะอิดสะเอียนแต่มันช่างอ่อนบางกว่าชั้นที่เป็นเกราะของมันมากหนัก และมีปุ่มปลายแหลมสีม่วงเข้มกระจายอยู่เป็นจำนวนมากมันร้อง โฮกกกก! ดังลั่นก่อนที่ปุ่มปลายแหลมจำนวนมากนั่นจะพุ่งออกมาเป็นสายระโยงระยางคล้ายกับหนวดปลาหมึก มันกวักแกว่งไปมาแบบไร้ทิศทางก่อนที่จะเปิดฉากกระหน่ำฟาดใส่พวกวิกเตอร์แต่โชคดีที่พวกเขาสามารถหลบได้ทัน พื้นที่ถูกหนวดที่ว่านั่นฟาดใส่เกิดเป็นรอยปริแตกพร้อมกับรอยไหม้ของการถูกกัดกร่อนขึ้นมาทันทีซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าอำนาจพลังทำลายมันร้ายแรงแค่ไหน

ฟรีน่า! เอมมอนส์! ระยางพวกนั้นมีสารกัดกร่อนเคลือบอยู่! อย่าไปโดนมันเข้าล่ะ!”

รับทราบ… / รับทราบค่ะ

ยังพูดไม่ทันขาดคำในระหว่างที่ฟรีน่าพยายามปัดการโจมตีของระยางพวกนั้น หนวดเส้นหนึ่งก็สะบัดไปโดนเธอเข้าที่ท่อนแขนของเธออย่างฉิ่วเฉียด ทำให้แขนเสื้อของชุดเมดที่เธอใส่อยู่ละลายทันทีแต่มันไม่รุนแรงขนาดที่จะละลายท่อนแขนของเธอไปด้วย เนื่องจากการปรับโครงสร้างใหม่ทำให้ผิวชั้นนอกของเธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ฟรีน่าเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น คราวนี้เธอเปลี่ยนการเคลื่อนไหวแบบธรรมดาๆมาเป็นแบบเต้นบัลเล่ท์ผสมกับยิมนาสติกโดยใช้ความพลิ้วไหวและความรวดเร็วของเธอหลบระยางพวกนั้นและพยายามเข้าให้ถึงตัวสัตฺว์ยักษ์นั่นให้มากที่สุด

ส่วนทางด้านเอมมอนส์นั้นเธอสวนการโจมตีจากทุกทิศทางด้วยลำแสงที่ปล่อยออกจากผลึกแก้วสีน้ำเงินตรงกลางฝ่ามือของเธอทั้ง 2 ข้าง แต่ถึงเธอจะทำลายระยางพวกนั้นไปมากแค่ไหนมันก็สามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปรกติและกระหน่ำโจมตีพวกเธอได้เรื่อยๆ

แบบนี้ไม่ไหวแน่ ถ้าไม่จัดการที่ร่างต้น ระยางพวกนั้นมันก็สามารถฟื้นตัวได้เรื่อยๆ”

วิกเตอร์บังคับหุ่นหลบระยางที่กำลังไล่หลังเขาอยู่พลางคิดแผนในใจ ซึ่งในระหว่างที่เขาบังคับหุ่นไปรอบๆนั้น เขาก็ต้องจับสังเกตุได้ขึ้นมาจุดหนึ่ง

น่าแปลก... ทั้งๆที่การโจมตีกับการป้องกันของมันออกจะแข็งแกร่ง แต่ทำไมมันถึงไม่เคลื่อนไหวเลยล่ะ…. หรือว่า!?

วิกเตอร์ลองหยิบก้อนหินแถวๆนั้นขึ้นมาแล้วเขวี้ยงมันไปที่ตัวของสัตฺว์ยักษ์นั่นปรากฎว่ามันไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว แม้แต่การปัดป้องซึ่งมันน่าจะทำได้ง่ายๆ แต่นี่ร่างของมันกลับแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น และแล้วร่างของมันก็เริ่มเน่าเปื่อยและทรุดลงกลายเป็นกองซากเน่าเฟะอยู่กับพื้นโดยที่ระยางพวกนั้นยังคงจู่โจมพวกเขาได้อยู่ วิกเตอร์ถึงกับหน้าถอดสีเพราะพวกเขาเจอกับปัญหาที่แท้จริงเข้าให้แล้ว

ฟรีน่า! เอมมอนส์! ร่างจริงมันไม่ใช่ ไรโนเซบูรัส! ร่างนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก ร่างที่แท้จริงมันคือระยางพวกนั้น! มันเป็นปรสิตที่คอยควบคุมร่างของสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว!”

“*โพโลเดเมียส! วิกด์! มันคือ โพโลเดเมียส!! ร่างจริงของมันมีเพียง 1 เดียว เธอต้องหามันให้เจอ และโจมตีที่จุดที่เป็นตัวคอยออกคำสั่งกับระยางพวกนั้น!!”

จะให้หาจากระยางนับร้อย… เนี่ยนะครับ!?”

ระยางพวกนั้นยิ่งเพิ่มการจู่โจมหนักข้อขึ้นมันเปลี่ยนสภาพตัวเองจากระยางหัวแหลมกลายเป็นระยางที่มีหัวเหมือนกับคมของเคียวอีกทั้งความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น วิกเตอร์เห็นเช่นนั้นจึงรีบเปิดประตูมิติขนาดพอๆกับหุ่นของเขาทันที และบังคับหุ่นผ่านประตูมิตินั้น เมื่อตัวหุ่นพ้นจากประตูมิตินั่นออกมา ที่ท่อนแขนทั้ง 2 ข้างของมันก็มีปืนสีดำมันวาวขนาดใหญ่ 4 กระบอก ด้านซ้ายและขวาของแต่ละท่อนแขนทั้ง 2 ข้าง พร้อมสายกระสุนขนาด 20 มม. ที่เชื่อมเข้ากับรังเพลิงของปืนและร้อยผ่านตามแนวของท่อนแขนเข้าสู่ช่องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังของมัน

เอาลูกตะกั่วนี่ไปกินซะ! ไอ้ปรสิตงี่เง่า!!”

วิกเตอร์กระหน่ำยิงไปที่ระยางพวกนั้น เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยเสียงปลอกกระสุนที่ร่วงลงสู้พื้นดินที่แข็งกระด้างนั่นดัง เกร๊งๆๆๆ กริ๊งๆๆๆ” และด้วยแรงสั่นสะเทือนจากปืนนั่นทำให้ตัวหุ่นสั่นตามไปด้วยเล็กน้อย แต่ด้วยแรงสั่นนั่นเอง อัคคามิฬ ที่สลบอยู่สะดุ้งขึ้นมาทันที และเมื่อเขาเห็นวิกเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังกัดฟันกรอดๆเหงื่อแตกพลั่กประกอบกับระยางจำนวนมหาศาลที่กำลังฝ่าห่ากระสุนเข้ามาเรื่อยๆ

ดร. นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย!? แล้วไอ้หนวดพวกนี้มันอะไรกัน!?”

อัคคามิฬถึงกับหน้าตื่นเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า

ฟื้นแล้วเหรอครับ!? แต่ว่าอย่าเพิ่งถามอะไรมากไปกว่านี้เลยครับ”

อัคคามิฬไม่ทันฟังที่วิกเตอร์พูดเพราะสายตาของเขาจับจ้องแต่ระยางพวกนั้นไม่กระพริบ แต่อยู่ๆวิกเตอร์ก็เอื้อมมือไปกดปุ่มหนึ่งข้างๆตัว ช่องเล็กๆตรงหน้าของอัคคามิฬก็เปิดออกในนั้นมีถุงมือที่มีสายระโยงระยางแบบเดียวกับที่วิกเตอร์ใส่อยู่อีก 1 คู่ อัคคามิฬ ดูเหมือนจะอ่านการกระทำของวิกเตอร์ออกจึงหยิบมันมาใส่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นแขนทั้ง 2 ข้างของหุ่นก็แยกออกจากกันจากเดิมมีแขนแค่ 2 ข้างแต่ตอนนี้กลายเป็น 4 ไปเสียแล้ว 

 

คุณอ่านคู่มือการบังคับหุ่น อาชูร่า ที่ผมให้ไปเมื่อวานแล้วใช่ไหมครับ!? ถ้างั้นรบกวนหน่อยนะครับ!”

อัคคามิฬไม่ตอบเขาบังคับแขนอีก 2 ข้างไปมาอย่างรวดเร็วและกระหน่ำยิงไปยังฝูงระยางที่บุกเข้ามาจากด้านข้าง ส่วนฟรีน่าและเอมม่อนส์ก็อาศัยจังหวะที่ระยางพวกนั้นกำลังให้ความสนใจกับหุ่น 4 แขนอยู่ เข้าไปใกล้ซากของไรโนเซบูรัสที่เน่าเปื่อยนั่นทันที แต่ทันใดนั้นระยางจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากซากของมันและเข้ารัดตัวของทั้งคู่เอาไว้ และดูเหมือนว่ายิ่งทั้งคู่พยายามดิ้นมากเท่าไหร่ระยางพวกนั้นก็ยิ่งรัดพวกเธอให้แน่นมากขึ้นเท่านั้น สารกัดกร่อนเริ่มทำหน้าที่ของมันทำให้เสื้อผ้าของ Android ทั้ง 2 เริ่มละลายและขาดหลุดรุ่ย จนเผยให้เห็นผิวหนังสังเคราะห์ขาวๆเนียนๆใต้ร่มผ้าของพวกเธอ

ไม่ได้การล่ะ! แบบนี้มีหวังเสร็จมันแน่… เฟรย่า! เข้าสู่สถานะต่อสู้ รหัสผ่าน นีน่า เอฟ.เอล. โอริเทียร์ ภารกิจทำลายสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัย!!

เฟรย่าเมื่อได้ยินคำสั่งที่วิกเตอร์ที่ตะโกนออกมา ร่างของเธอก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาทันที จนทำให้นีน่าที่อยู่ข้างๆที่ไม่เคยเห็นปฏิกิริยาแบบนี้กับเฟรย่ามาก่อน ถึงกับสะดุ้งปนประหลาดใจและมอง Android ของเธออย่างสงสัย

ยืนยันรหัสผ่าน ใช้รูปแบบการรบระดับ 1 ภารกิจทำลายสิ่งมีชีวิต ที่เป็นภัย เข้าสู่โหมด Accel Trun”

เฟรย่ากระโจนเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วระยางพวกนั้นทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติ มันละจากวิกเตอร์และหันมาเล่นงานเฟรย่าแทน 

  

“โหมดอาวุธทำงาน...”

 

ทันใดนั้นที่เล็บมือทั้ง 10 ของเฟรย่าก็เปล่งแสงขึ้นมาเป็นลำแสงสีเขียวที่ถูกบีบอัดกันกลายเป็นเหมือนกับดาบพลังงานในรูปแบบของกรงเล็บทั้ง 10 ก็ปรากฎขึ้น เธอใช้มือขวากวาดออกไปด้านหน้าและมือซ้ายกวาดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียงดัง “ตูม! ตูม!” 2 ครั้งสั้นๆคมเขี้ยวสูญญากาศถูกปล่อยออกไป และตัดระยางพวกนั้นขาดออกจากกันทันที ทิ้งไว้แต่รอยตัดที่เรียบเนียนและเฉียบขาดเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ระยางที่ถูกเฟรย่าตัดขาดไปนั้นพยายามที่จะฟื้นฟูตัวของมัน

 

แต่ดูเหมือนว่าบาดแผลที่เฟรย่าสร้างขึ้นนั้นจะทำการตัดและสมานแผลไปในตัว ทำให้การฟื้นสภาพไม่สามารถที่จะทำได้ และเมื่อระยางที่ไร้ซึ่งหัวแล้วไซร้ก็เทียบได้กับสายฉีดน้ำที่ไร้คนควบคุมนั่นแล มันส่ายไปส่ายมาในอากาศก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดิน เฟรย่าใช้ทักษะการหลบหลีกระยางที่พุ่งเข้ามาเหมือนกับฟรีน่าไม่มีผิดเพี้ยน เธอหลบมันด้วยความคล่องแคล่ว แต่จากการคำนวนของเธอเพียงแค่คมเขี้ยวสูญญากาศไม่น่าจะทำอะไรได้มากนัก อย่างมากก็แค่จัดการกับระยางที่เหลือนี่ให้หมดเท่านั้นแต่เป้าหมายหลักคือแกนกลางที่เป็นตัวควบคุมระยางพวกนี้ต่างหาก เธอจึงทำการสแกนโครงสร้างของระยางพวกนี้ทั้งหมด และเจอเข้ากับกลุ่มคลื่นความร้อนที่อยู่ใต้ซากของไรโนเซบูรัสและมันกำลังหมุดดำลงไปใต้ดินเพื่อเอาตัวรอด

 

“จับกลุ่มคลื่นความร้อนได้ค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นแกนกลางของเป้าหมาย และตอนนี้กำลังเคลื่อนที่ลงสู่ใต้ดิน และหยุดอยู่ที่ความลึกระดับ 30 เมตรค่ะ”

“แย่ล่ะสิ! มันคิดจะอาศัยพลังจากพื้นดินเพื่อฟื้นฟูตัวเอง! มันได้ความสามารถในการหยิบยืมพลังจากพื้นดินมาจาก ไรโนเซบูรัส ด้วยเหรอเนี่ย?”

พูดยังไม่ทันขาดคำพื้นดินที่เฟรย่าและหุ่นของวิกเตอร์ยืนอยู่ก็สั่นสะเทือน บรรดาระยางที่เฟรย่าตัดทิ้งไปและไม่อาจคืนสภาพได้ ก็เริ่มค่อยๆฟื้นคืนสภาพเดิม และเริ่มเข้าจู่โจมพวกเขาอีกครั้ง นีน่าเองเมื่อเห็นว่าเฟรย่าและวิกเตอร์ท่าจะรับมือไม่ไหว เธอจึงรีบออกไปช่วยพวกเขาอีกแรง ส่วนคอนสแตนตินก็ทำท่าเหมือนกับจะตามนีน่าไปเช่นกันแต่ถูกนีน่าห้ามไว้

“ช่วยคุ้มกัน ดร.ไอแซค ให้ทีนะคะอาจารย์”

คอนสแตนตินพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับพา ดร.ไอแซค เข้าไปหลบหลังซากต้นไม้แห้งๆที่อยู่ข้างหลัง และเฝ้าดูสถานการณ์อย่างระมัดระวัง

“ด้วยพันธะสัญญาแห่งโมดูล จงมาศาตราแห่งข้า!”

นีน่าอัญเชิญศาตราคู่กายของเธอออกมา ก่อนจะหาโอกาสยิงใส่ระยางทั้ง 2 มัด ที่จับตัว ฟรีน่าและเอมม่อนส์เอาไว้ จนทั้งคู่สามารถหลุดออกมาได้สำเร็จ และเหมือนทุกครั้งมันฟื้นตัวกลับมาดังเดิม ความเร็วในการฟื้นตัวก็ยังเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย นีน่ากระหน่ำยิงปืนในมือใส่ระยางพวกนั้น โดยมีเอมม่อนส์และฟรีน่าคอยสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ ส่วนทางด้านวิกเตอร์กับอัคคามิฬนั้นก็พยายามสกัดการโจมตีจากระยางเหล่านั้นอย่างเต็มกำลังเช่นกัน

“วิกเตอร์! นายสกัดการเคลื่อนไหวของระยางพวกนั้นให้ชั้นที ชั้นจะจัดการกับแกนกลางของมันเอง!”

“เธอจะบ้าเหรอ! แกนกลางมันอยู่ลึกลงไปตั้ง 30 เมตรนะ! อาวุธที่เรามีอยู่ตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรมันได้หรอก! แถมเรายังไม่รู้ความหนาของชั้นดินเลย!”

“วิกเตอร์! วิทยาศาตร์น่ะถ้าไม่ลองทำดูแล้วมันจะไปได้อะไร นายเป็นคนพูดกับชั้นเองไม่ใช่รึไง!?”

“มันก็ใช่ แต่ว่า…!”

“ให้ชั้นลองทำดูเถอะ!”

วิกเตอร์สะดุ้งเฮือกกับความมุ่งมั่นของนีน่า เขาในตอนนี้ไม่สามารถเอ่ยปากห้ามเธอได้แม้แต่น้อย ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้นีน่าต้องเสี่ยง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าพวกเขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว เพราะอาจจะมีพวกอสูรที่เหลือรอดจากมหาสงครามในครั้งก่อน เห็นยานของพวกเขาลงจอดตรงจุดนี้และพวกมันต้องยกโขยงกันมาที่นี่แน่ๆ

“ฟรีน่า… คำนวนค่าสัมประสิทธิ์การสั่นสะเทือนของชั้นดินเป็นตาราง 3 เมตร คูณ 3 เมตร ให้สัมพันธ์กับคลื่นสั่นสะเทือนที่สร้างจาก อาชูร่า ทีสิ?”

“รับทราบค่ะ… … … จากผลการคำนวนชี้ชัดว่า ถ้าจำกัดขอบเขตการใช้พลังงานในการสร้างคลื่นสั่นสะเทือนให้อยู่ที่ 30% จะสามารถทำให้ชั้นผิวดินอ่อนลงได้ 50% ในระดับผิวดินจนถึงชั้นดินระดับ 35.62 เมตรค่ะ”

“ดีมาก! นีน่า ชั้นจะทำให้ชั้นดินอ่อนตัวลงให้ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วล่ะนะ!”

“ฝากด้วยนะ!”

นีน่าถอดรังกระสุนที่บรรจุกระสุนอยู่เต็มออกจากปืนทั้ง 2 กระบอกของเธอแล้วถือมันเอาไว้ ก่อนที่วิกเตอร์จะเปิดเครื่องสร้างคลื่นสั่นสะเทือน และประคองระดับพลังงานให้อยู่ที่ 30% แต่ค่าตัวเลขมันใช่ว่าจะคุมกันได้ง่ายๆ และทันใดนั้นเขาก็ซัดกำปั้นของหุ่นลงสู่พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นจากตัวหุ่นไปด้านหน้าเป็นวงกว้างประมาณ 3 เมตร คูณ 3 เมตร ผิวดินที่โดนคลื่นนั่นซัดใส่ก็เกิดเป็นระลอกเหมือนกับคลื่นในทะเลไม่มีผิด และจากผิวดินที่แห้งและแข็งกระด้างก็ดูเหมือนว่าจะร่วนซุยขึ้นมานิดหน่อย

“การเตรียมการเรียบร้อย! ตอนนี้แหละ นีน่า! เอ๊ะ!”

วิกเตอร์หันมาพูดกับนีน่าแต่เธอไม่อยู่ซะแล้วเธอหายไปไหนล่ะ? วิกเตอร์หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอวี่แววของนีน่าแม้แต่เงา

“หลบไป!! วิกเตอร์!”

แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องได้ยินเสียงตะโกนซึ่งเป็นเสียงของนีน่าแต่มันมาจากข้างบน และเมื่อเขามองขึ้นไปก็พบกับรังกระสุนที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีลูกกระสุนอีก 7 นัดที่ลอยคว้างอยู่ต่อจากรังกระสุนนั่น ถัดมาที่ลอยอยู่หลังสุดก็คือนีน่านั่นเองเธอใช้เวทควบคุมแรงดึงดูดกับตัวเองและรังกระสุนทำให้สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้

 

“ข้าแต่… ราชินีแห่งการทำลายล้าง!! กาเฮ็นน่า!! จงมอบพลังแห่งการชำระล้างให้แด่ข้า จงสถิตสู่กายาและหลอมรวมสู่จิตใจ ผนึกจิตวิณญาณให้เป็นหนึ่งเดียว! มนตราเสริมพลัง! กาเฮ็นน่า! ฟูลอิส ฟูลอิริส!”

นีน่าตีลังกากลับหัวกลางอากาศและหวดปลายเท้าใส่กระสุนทั้ง 7 ที่ลอยอยู่เต็มแรงแรง กระสุนเหล่านั้นพุ่งไปกระทบกับด้านหลังของรังกระสุนที่ลอยอยู่อันแรกอย่างแม่นยำเสียง “เปรี้ยง!!!” สนั่นลั่นทุ่งดังขึ้นกระสุนทั้ง 7 ที่อยู่ในรังกระสุนถูกยิงออกไปพร้อมๆกัน ส่วนกระสุน 7 นัดแรกที่นีน่าเตะใส่นั้นเมื่อมันกระทบกับรังกระสุนมันก็กระเด็นออกไปคนละทิศละทางราวกับกลีบดอกไม้

เมื่อกระสุนทั้ง 7 นัดที่ถูกยิงออกมาเมื่อครู่กระทบกับพื้นผิวดินที่วิกเตอร์เตรียมไว้ให้ มันก็สามารถเจาะทะลุทะลวงลงไปได้อย่างง่ายดาย มันเจาะผ่านชั้นดินอันอ่อนนุ่มเหมือนของเหลวลงไปเรื่อยๆจนถึงแกนกลางของระยางเหล่านั้นแต่ว่ากระสุนทั้ง 7 กลับหยุดลงก่อนที่จะถึงแกนกลางนั่นเพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้นเอง

“พลาดเหรอ!?”

วิกเตอร์อุทานออกมา แต่นีน่าประกอบรังกระสุนเข้ากับตัวปืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอปลดส่วนที่เป็นนกปืนออกมาและถือมันเอาไว้ในง่ามนิ้วชี้และนิ้วกลาง ก่อนจะพุ่งตัวลงมาจากกลางอากาศ พร้อมกับรีบเอาปากกระบอกไปจ่อที่รูของกระสุนทั้ง 7 ที่เธอสร้างเอาไว้

“กระบวนปืนระยะประชิด! แรนโบว์สตาร์ อิมแพ็ค!!”

นีน่าใช้หมัดที่คีบนกปืนอยู่ตอกลงไปยังช่องของนกปืนเต็มแรงพร้อมกับเหนี่ยวไกเพื่อให้รังกระสุนหมุนไปตามจังหวะของการตอกนกนั่น เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่ากับจำนวนกระสุนของเธอ กระสุนถูกส่งผ่านเข้าไปยังช่องว่างทั้ง 7 ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระสุนทั้ง 7 นัดที่เธอนำร่องไปก่อนหน้านี้ หัวกระสุนอีก 7 นัดที่นีน่าเพิ่งส่งมาประเคนให้เจ้าแกนกลางนั่นกระทบเข้ากับหัวกระสุนที่ค้างอยู่ทำให้มันถูกดันด้วยแรงปะทะและพุ่งเข้าใส่แกนกลางนั่น ทันใดนั้นระยางที่กำลังจู่โจมพวกเขาอยู่ก็ส่ายไปมามั่วซั่วไปหมด ก่อนที่จะร่วงลงสู่พื้นดินและค่อยๆกลายเป็นซากแห้งๆไป ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณนั้นอีกครั้ง จะมีก็แต่เสียงลมที่พัดรุนแรงจนทำให้ต้นไม้ใบหญ้าสั่นไหวก็เท่านั้น

“จะ… จบแล้วสินะ?”

วิกเตอร์ตาค้างกับการกระทำของนีน่าเมื่อครู่ ส่วนเฟรย่าและฟรีน่าก็กำลังทำหน้าที่สแกนหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่หลงเหลืออยู่

“ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยหลงเหลืออยู่ค่ะ ยกเลิกโหมดและรูปแบบทั้งหมด...”

เฟรย่ารายงานสภาพปัจจุบันให้ทุกคนรู้ และเมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง วิกเตอร์ก็รีบเปลี่ยนโหมดของหุ่นของเขาให้กลายเป็นโหมดยานพาหนะทันที หุ่นของเขายืดตัวตรงก่อนจะค่อยๆเอนย่อตัวไปด้านหลังจนอยู่ในท่านั่งเหยียดขา โดยที่ช่วงขาของมันจะระนาบตรงเป็นแนวเดียวกับพื้นและที่ด้านล่างจากแผ่นเกราะเหล็กเรียบๆก็กลายสภาพเป็นช่องสำหรับให้เครื่องยนตร์โผล่ออกมา และส่วนที่เป็นท่อนแขนขนาดใหญ่ทั้ง 2 ข้างจะถูกพับเข้าหากันและเลื่อนเข้าไปแนบชิดอยู่ที่ด้านข้างของลำตัว ตอนนี้สภาพของมันดูคล้ายกับเรือโดยสารไฮเทคขนาดย่อมๆที่ลอยอยู่เหนือพื้นแทนที่จะเป็นน้ำ

“ทุกคนขึ้นมา เราต้องรีบไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด!”

ทุกคนรีบขึ้นไปนั่งอยู่ตรงส่วนที่เคยเป็นท่อนขาของหุ่นตัวนั้นทันที ก่อนที่วิกเตอร์จะขับมันเข้าไปในป่าที่ ไรโนเซบูรัส พุ่งออกมาในตอนแรก ในระหว่างนั้นวิกเตอร์ก็คิดถึงการกระทำของนีน่าเมื่อครู่ แต่อัคคามิฬที่นั่งอยู่หลังวิกเตอร์นั้นเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นมา

“เอ่อ… คือว่าที่คุณนีน่า ทำเมื่อกี้นี้น่ะ มัน…”

“ฮ่ะๆ สุดยอดไปเลย ใช่ไหมล่ะครับ?”

“อ่ะ… อ่า… ครับ”

“ผมเองก็เป็นคนที่อยู่กับยัยนั่นมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นในสิ่งที่ยัยนั่นทำมาก็มากมาย แต่คราวนี้มันแตกต่างไปจากเดิม”

วิกเตอร์แสดงสีหน้าหนักอกหนักใจอย่างเห็นได้ชัด อัคคามิฬเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พยายามที่จะไม่ซักถามอะไรอีก และก่อนที่ยานจะหลุดพ้นออกมาจากป่าวิกเตอร์ก็กดปุ่มที่แผงควบคุมที่อยู่ตรงหน้าของเขา ทันใดนั้นตัวยานของพวกเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสภาพล่องหนและกลืนไปกับสภาพภูมิประเทศ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของพวกอสูรหรือสัตว์ป่าที่แสนจะดุร้าย สถานที่ๆพวกเขาโผล่ออกมานั่นคือที่โล่งกว้างสุดลูกหูลูกตาและยาวเรียบไปตลอดตามแนวชายฝั่งทะเล การเดินทางของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องหาสถานที่เหมาะๆ ที่จะตั้งที่พักแรม พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะพักแรมกันตรงบริเวณชายป่าแห่งหนึ่งที่ดูท่าทางจะไม่มีสัตว์ป่าหรือตัวอะไรก็ตามเข้ามาเพ่นพ่านในบริเวณนี้

“เฮ้อ~~ อยากอาบน้ำจังเลย~~”

นีน่าและคนอื่นๆที่ตอนนี้ปลดชุด คาสนอฟ ออกกันหมดแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัยโดยที่ คอนสแตนติน รับหน้าที่เฝ้ายามให้เพื่อไถ่โทษที่ตนไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับพวกวิกเตอร์เมื่อตอนกลางวันเลยแม้แต่น้อย นีน่าและ 3 สาว Android ต่างพากันไปอาบน้ำในห้องที่คอนสแตนตินสร้างขึ้นมาจากอุปกรณ์ขนาดพกพาที่เขานำติดตัวมาด้วย ซึ่งในตอนแรกมันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากล่องนม แต่พอวางมันลงกับพื้นและกระตุ้นมันด้วยพลังเวท มันก็จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นห้องขนาดย่อมๆได้ชั่วคราวเพื่อไว้ใช้เป็นห้องน้ำ ส่วนน้ำที่ใช้อาบก็เอามาจากน้ำทะเลที่คอนสแตนตินเอามาผ่านกลไกต้มและกรองจนเป็นน้ำจืดให้พวกสาวๆได้อาบกัน

ส่วนอัคคามิฬที่อาศัยโอกาสเหมาะๆแอบเจาะรูห้องชั่วคราวนั่นเพื่อแอบดูสาวๆทำกิจกรรมส่วนตัว แต่ด้วยระบบจับภัยคุกคามจากเฟรย่า เธอใช้เล็บพลังงานสีเขียวของเธอเสียบทะลุแผ่นกั้นนั่นทันที และเกือบเสียบทะลุเบ้าตาของเขาแต่ดีที่เขาถูกคอนสแตนตินดึง (ลาก) ตัว (คอ) ออกมาได้ทัน และเมื่อทุกคนทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างก็พากันแยกย้ายเข้านอนเพื่อเริ่มทำภารกิจในวันรุ่งขึ้นต่ไป...

 

-= Lesson 6 End =-

-= To Be Continue Lesson 7 =-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา