ความทรงจำ (Diary of Love)

-

เขียนโดย DVsnote

วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 21.12 น.

  3 หน้า
  7 วิจารณ์
  7,192 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บันทึกหน้าที่สอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

1 มิ.ย. 2552 14.35 น.
ลองย้อนนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อสมัย ป.2 ในช่วงเทอมสอง คืนนั้นเป็นคืนในฤดูหนาว มีฝนตกปรอยๆ
เมื่อ15 มกราคม 2542 เวลา 17.02 น. วันนี้ผมรู้สึกปวดหัว หายใจเริ่มติดขัด เริ่มรู้สึกมาแต่ช่วงเช้าแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจกับมัน เพราะคิดว่าคงเป็นอาการจาก อากาศหนาวเฉยๆ ตกเย็นเริ่มรู้สึกว่า หนาวมากขึ้นและ หายใจติดขัดมากขึ้นจนเวลา สามทุ่มกำลังดูทีวีอยู่และกำลังจะหลับ ผมรู้สึกว่า ผมหายใจไม่ออกแล้ว ความรู้สึกรับรู้สิ้งรอบข้าง แม้เสียงทีวีก็เริ่มหดหายไป ได้แต่หายใจแผ่วๆ สอดส่าย สายตาไปรอบข้างก็ลำบากขึ้นทุกที แรงที่จะเรียกแม่ก็ไม่มี แม่กำลังทำกับข้าวในครัว และแล้วความหวังก็มี เมื่อพ่อกลับมาจากที่ทำงาน ผมได้ยินเสียงพ่อเรียกว่า
"เอาน้ำมาให้พ่อกินหน่อยสิ ไหนวันนี้มีการบ้านอะไร  ทำเสร็จยังเอา มาให้พ่อดูหน่อยสิ" แต่ว่าผมไม่มีแรงที่จะตอบแม้กระทั้งหายใจก็ยังลำบาก แล้วผมก็เห็นเงาลางๆ เดินมาเขย่าตัวของผมเบาๆ 
"ลูกพ่อเป็น อะไรหรือป่าว !!! " พ่อถามผมด้วยความตกใจ แต่ผมไม่ตอบ
"แม่... ลูกเป็นไรไม่รู้ คุณๆๆ ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ลูกตัวร้อนมาก รีบพาลูกไปโรงบาล มาๆๆๆ" 
 จากนั้นผมก็รู้สึกได้ถึง มือสองข้างมาช้อนที่หลังของผม คงจะเป็นมือของพ่อที่อุ้มผมไป นั่งบนรถมอไซต์ โดนที่ผมนั่งตรงกลางแม่นั่งซ้อนท้าย พ่อเป็นคนขี่ พาไปส่งโรงบาล
บรรยากาศภายนอกบ้านหนาวเหน็บยิ่งนัก ลมพัดมาแต่ละที หนาวจับใจ อีกทั้งฝนที่ตกปรอยที่ ต้องลงที่ผิวของผมก็เย็นจนสั่นสะท้าน ทำไม่มันช่างทรมานถึงเพียงนี้ เมื่อไหร่จะถึงโรงพยาบาล หนาวเหลือเกิน เสียงหนึ่งที่ได้ยินตลอดคือแม่ของผม
"อย่าหลับนะลูก" 
แต่ความเจ็บปวด ความหนาวนั้นยิ่งทวีความรุนแรง เวลาที่ยาวนาน ระยะทางจากบ้านถึงโรงพยาบาล ผมคิดอยู่ในใจว่าเราจะรอดมั้ยคืนนี้ ผมเริ่มรู้สึกแน่นที่น่าอกมากขึ้น ต้องออกแรงหายใจมากขึ้น แล้วในที่สุดผมหายใจไม่ออก ความคิดที่แวบเข้ามาในหัวของผมคือ ความหดหู่ เหมือนกำลังนั่งมองแสงดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ............
อีก 16 ชั่วโมงต่อมา ............. ผมลืมตาตื่น มองไปรอบๆ บรรยากาศของสีขาวเต็มไปหมด ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรครอบที่จมูกจนถึงปากของผม รู้สึกว่าอากาศสดชื่นดี  ผมได้ยินเสียงเหมือนเครื่องมืออะไรสักอย่าง ติ้ด ติ้ด ติ้ด ตลอดเวลา และประตูห้องที่ผมนอนอยู่ก็เปิดออกพร้อมกับมีคนเดินเข้ามา สี่คน สองคนในนั้นคือ พ่อกับแม่ ส่วนอีกสองไม่รู้จัก แต่ชุดแบบนั้น ผ้าคลุมยาวสีขาวคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณหมอ และอีกหนึ่ง คงเดาได้เลยว่าเป็นพยาบาล 
นี่เราอยู่โรงพยาบาลนี่นา ว้าวเรารอดตายแล้ว 
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ มะหมอขอตรวจดูอาการหน่อย"  จากนั้นหมอก็จัดแจง ตรวจดูอาการของผมราว 5 นาที ก็หันกับไปพูดกับพ่อแม่ผม 
"คงต้องให้นอนดูอาการ สักระยะนะครับ สัก 2 วัน "แล้วหมอกะพยาบาลก็เดินออกไป
...... ผมจึงเอ่ยปากถามพ่อกับแม่ ว่าผมเป็นอะไรครับ
"ปอดของลูกติดเชื้อ ตอนนี้ก็พักผ่อนให้มากๆ นะลูกเดี๋ยวสักหน่อยพยาบาลคงเอาอาหารมาให้ทาน นะครับ"  
.........................

1 มิ.ย. 2552 14.35 น.

  ลองย้อนนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อสมัย ป.2 ในช่วงเทอมสอง ค่ำวันนั้นเป็นฤดูหนาว มีฝนตกปรอยๆ เมื่อ15 มกราคม 2542 เวลา 17.02 น. วันนี้ผมรู้สึกปวดหัว หายใจเริ่มติดขัด เริ่มรู้สึกมาแต่ช่วงเช้าแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจกับมัน เพราะคิดว่าคงเป็นอาการจาก อากาศหนาวเฉยๆ ตกเย็นเริ่มรู้สึกว่า หนาวมากขึ้นและหายใจติดขัดมากขึ้นจนเวลาหกโมงเย๊น ซึ่งกำลังดูทีวีอยู่และกำลังจะหลับ ผมรู้สึกว่า ผมหายใจไม่ออก ความรู้สึกรับรู้สิ่งรอบข้างกำลังลดลง แม้เสียงทีวีก็เริ่มหดหายไป ได้แต่หายใจแผ่วๆ สอดส่ายสายตาไปรอบข้างก็ลำบากขึ้นทุกที แรงที่จะเรียกแม่ที่จะบอกว่าหายใจไม่ออกก็ไม่มี ซึ่งตอนนั้นแม่กำลังทำกับข้าวในครัว และแล้วความหวังก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อกลับมาจากที่ทำงาน ผมได้ยินเสียงพ่อเรียก

 

"เอาน้ำมาให้พ่อกินหน่อยสิ ไหนวันนี้มีการบ้านอะไร  ทำเสร็จยัง เอามาให้พ่อดูหน่อยสิ"

แต่ว่าผมไม่มีแรงที่จะตอบแม้กระทั้งหายใจก็ยังลำบาก แล้วผมก็เห็นเงาลางๆ เดินมาเขย่าตัวของผมเบาๆ 

 

"ลูกพ่อเป็น อะไรหรือป่าว !!! " พ่อถามผมด้วยความตกใจ แต่ผมไม่ตอบ

 

"แม่... ลูกเป็นไรไม่รู้ คุณๆๆ ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ลูกตัวร้อนมาก รีบพาลูกไปโรงบาล มาๆๆๆ" 
 

จากนั้นผมก็รู้สึกได้ถึง มือสองข้างมาช้อนที่หลังของผม คงจะเป็นมือของพ่อที่อุ้มผมไป นั่งบนรถมอไซต์ โดนที่ผมนั่งตรงกลางแม่นั่งซ้อนท้าย พ่อเป็นคนขี่ โดนแม่เอาเสื้อกันฝนคลุมตัวผมไว้ ส่วนอีกชั้นเป็นผ้าห่มที่ห่มตัวผมไว้ 


บรรยากาศภายนอกบ้านหนาวเหน็บยิ่งนัก ลมพัดมาแต่ละที หนาวจับใจ อีกทั้งฝนที่ตกปรอยๆที่ต้องลงที่ผิวของผมก็เย็นจนสั่นสะท้าน ทำไมมันช่างทรมานถึงเพียงนี้ เมื่อไหร่จะถึงโรงพยาบาล หนาวเหลือเกิน เสียงหนึ่งที่ได้ยินตลอดเวลาคือแม่ของผม

 

"อย่าหลับนะลูก" แว่วๆ มาตลอดระยะทางที่เดินทาง

 

  แต่ความเจ็บปวด ความหนาวนั้นยิ่งทวีความรุนแรง เวลาที่ยาวนาน ระยะทางจากบ้านถึงโรงพยาบาล ผมคิดอยู่ในใจว่าเราจะรอดมั้ยคืนนี้ ผมเริ่มรู้สึกแน่นที่น่าอกมากขึ้น ต้องออกแรงหายใจมากขึ้น แล้วในที่สุดผมหายใจไม่ออก ความคิดที่แวบเข้ามาในหัวของผมคือ ความหดหู่ เหมือนกำลังนั่งมองแสงดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า แสงสีแดงออกส้มๆเหมือนเป็นสีแห่งการจากลา ความเจ็บปวด ความหนาวเหน็บ ทำให้แทบไม่อยากจะฝืนทนหายใจต่อ แม้เปลือกตาก็แทบไม่อยากจะเปิดมันขึ้น ไม่ไหวแล้วจริงๆ เริ่มไม่รู้สึกถึงความหนาว ความเจ็บ รู้แต่เพียงว่าฝนนี้มันเริ่มเย็นฉ่ำเหลือเกิน และกลิ่นอายสายฝน ช่างยั่วยวนชวนให้หลับตานอนเสียจริง ............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา