บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) ~ 18 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
~ ~ อ๊อด ~ ~ อ๊อด ~ ~
เสียงออดดังขึ้นเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าหมดเวลาแห่งการเรียนรู้แล้ว ร่างบางทั้งสองกับร่าง (โอ่ง) อีกหนึ่งเดินออกมาจากห้องเรียนดนตรีอย่างพร้อมเพรียง แต่พอเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ต้องหยุดกะทันหันเพราะพึ่งนึกถึงเรื่องบางอย่าง...
“หยุดเดินทำไมนียา...มีอะไรเหรอ” เฟิร์นถามขึ้นอย่างสงสัย
“ปะ...เปล่าหรอก...คะ...คือ...” นียาตอบอย่างตะกุกตะกัก จึงทำให้เพื่อนอีกสองยิ่งเพิ่มความสงสัย
“อ๋อ! จะไปหานายดอกหญ้านั่นใช่ไหมล่ะ” โซดาพูดขึ้นมาพลางทำหน้ายียวน
“กะ...ก็เขาจะเอาโทรศัพท์คืนนี่ ฉันก็ต้องเอาไปให้...แกอย่าคิดมากไปเลย” ฉันตอบพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“อืม...งั้นพวกฉันกลับก่อนก็แล้วกัน...ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ บาย” เฟิร์นโบกมือลาฉัน ก่อนที่จะลากโซดาตามไปติดๆ
เมื่อเพื่อนทั้งสองแยกทางออกไปแล้ว ฉันก็ต้องหันหลังกลับไปที่ห้องดนตรีเหมือนเดิม เฮ้ออ~~ ถ้าคิดออกให้มันเร็วกว่านี้ก็คงไม่ต้องมาเดินให้เหนื่อยเล่นฟรีๆหรอก คิดแล้วก็เซ็งกับตัวเองจริงๆ แต่พอฉันเดินใกล้ห้องดนตรีมากเท่าไหร่เสียงของกีตาร์โปร่งก็ก็ดังขึ้นมากเท่านั้น ฉันค่อยๆเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้ว...
"มาแล้วเหรอ...ทานตะวัน..." เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นในขณะที่เขายังหันหลังอยู่ ทว่าเมื่อเขาหันหน้ามา ฉันก็แทบช็อค...ทำยังไงดี...ทีตอนอยากให้มาดันไม่มา ทีตอนนี้ดันโผล่หน้ามาซะงั้น
"หน้าฉันมันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า...ฮึ" ชายหนุ่มใช้มือลูบหน้าตัวเองเพราะหญิงสาวตรงหน้าจ้องเขาตาไม่กระพริบ
"อะ....เอ่อ เปล่านิ อ่ะ!นี่ของนายใช่ไหม" ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายื่นให้เขาดู
"ใช่ ของฉันเอง"เต็งหนึ่งตอบรับเบาๆ
"ฉันเจอมันที่หน้าประตูห้องนี้ ก็เลยเก็บมันเอาไว้ เผื่อจะได้คืนเจ้าของ" ฉันรีบพูดขึ้นเพราะเขาหลี่ตามองฉันอย่างจับผิด
"ขอบใจนะ...ทานตะวัน..." เต็งหนึ่งเผยรอยยิ้มให้ฉันอย่างร่าเริง ให้ตายเหอะ เขาจะรู้ไหมนะว่ารอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ขาของฉันอ่อนยวบ แต่มันก็เป็นยิ้มที่กวนบาทากระไรนี่!
"ฉันชื่อนียา...ไม่ใช่ทานตะวันอะไรของนาย..เรียกให้มันถูกด้วย แล้วก็...เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ไหม" ฉันเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เต็งหนึ่งหันมาสบตาชั่วครู่ แล้วก็พูดขึ้น
"เธอคงจำไม่ได้จริงๆสินะ....ทำไม...ทำไมเธอต้องลืมฉันด้วย" เต็งหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาของเขาตัดเพ้ออย่างน้อยใจ จากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาเป็นเต็งหนึ่งคนเดิม
ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยเขาใจ...เขาพูดเหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ เมื่อพยายามใช้ความคิด พยายามนึกให้ออกว่าเคยรู้จักหรือเปล่า แต่ทว่า ยิ่งคิด มันก็ยิ่งเจ็บ...ฉันรู้สึกว่าสมองกำลังบีบแน่นเข้าหากัน มันปวด..มาก เต็งหนึ่งเห็นสีหน้าฉันแล้วเขาก็ต้องตกใจ
"นียา! ไหวหรือเปล่า เดี๋ยวฉัน..." เต็งหนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ แต่ฉันก็พูดแทรก
"ไม่....ไม่ต้อง ฉันแค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...เดี๋ยวมันก็คงจะหายไปเอง..แล้วตกลงว่าไง ที่ฉันถามน่ะ"
"เธอต้องการอะไร" ฉันถอนหายใจก่อนจะพูดว่า
"อย่าหาว่าฉันทวงบุญคุณเลยนะ ฉันแค่ต้องการให้นายมาช่วยฉันในงานนิทรรศการ อีกสามวันข้างหน้า...นายจะว่ายังไง" ฉันถามขึ้นพลางเหลือบมองเขาด้วย
"งานอะไร" เต็งหนึ่งถามเสียงนิ่ง
"แสดงคอนเสิร์ต" ฉันหลบสายตาที่กำลังมองฉันอย่างไม่แน่ใจ เอ๊ะ!ตานี่จะมองโหดไปทำไมกัน...เมื่อกี้ยังดูอบอุ่นอยู่เลย...กะอีแค่คอนเสิร์ต ใช่ว่านายนั่นจะไม่เคยสักหน่อย
"สิ่งตอบแทนล่ะ" เขาถามขึ้นทำเอาฉันที่พึ่งตั้งตัวได้แทบทรุดลงที่เดิม
"นายจะเอาอะไรอีกล่ะ ฉันอุตส่าห์เก็บของของนายไว้ให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว หรือว่าต้องการเงิน..ฉันไม่มีให้หรอกนะ บ้านฉันจน.."ฉันแว๊ดใส่เขาโดยไม่ยั้ง ส่งผลให้เขามองฉันอย่างขำๆ ก่อนที่จะปล่อยก๊ากออกมา
"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ ใครเขาจะไปรีดไถเธอกันหะ! เธอนี่จอมพญาเบ๊อะของแท้เลย ฮ่าๆๆๆๆ...." เสียงหัวเราะของเขายังคงเส้นคงวา แต่สีหน้าฉันไม่ขำด้วยเขาจึงต้องเงียบลงโดยปริยาย
"เพลงนายก็ร้องได้ ดนตรีนายก็เล่นเป็น แล้วนายจะเอาอะไรอีก"
"ลูกมือ..อย่างเธอยังไงล่ะ" สิ้นเสียงของเต็งหนึ่งฉันอยากจะกระโดดถีบยอดหัวเขาจริงๆ ถ้าให้ฉันทำแล้วฉันจะไปขอให้เขาช่วยทำไมกันล่ะ
"หา!ว่าไงนะ นายจะให้ฉันทำอะไร เต้นอะโกโก้ แดนซ์เซอร์ หรือหางเครื่องล่ะ" ฉันถามขึ้น อย่างเซ็งๆๆ
"เบ๊อะไปใหญ่แล้วคุณหนู ใครเขาจะไปดูหุ่นแหนมยโสของคุณล่ะ อย่าพึ่งคิดสั้นนักสิ" -o- และยังที่ฉันไม่ทันจะอ้าปากด่า เขาก็...
"หยุดเลย...ฟังฉันพูดให้จบก่อน แน่นอน ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอไปเต้นแร้งเต้นกาที่บนเวทีเพราะมันเป็นการเสียเกียรติ เธอก็น่าจะรู้...แต่ลูกมือในความหมายของฉันคือ เธอต้องเล่นเปียโน และฉันจะเป็นผู้ขับร้อง เข้าใจหรือยังล่ะ" เต็งหนึ่งอธิบายยืดยาวจึงทำให้ฉันเริ่มมึนกับสิ่งที่ได้ยิน
"ระ...เหรอ อย่างนั้นเองเหรอ แหะๆๆ แล้วจะให้ฉันเล่นเพลงอะไรล่ะ เหลือเวลาแค่สามวันเท่านั้นเองนะ ฉันคิดว่า..." ฉันต้องหยุดพูดทันทีเพราะกระดาษโน้ตเพลงได้ปลิวมาฟาดเข้ากับหน้าฉันอย่างจัง
"นั่นคือโน้ตเพลง ที่เธอจะต้องซ้อม แต่เรายังขาดอีกสิ่งหนึ่งคือไวโอลิน...ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเธอแล้วล่ะที่จะต้องหาคนมาเล่นไวโอลินให้ได้"
"ให้ฉันเนี่ยนะเป็นคนหา นายจะบ้าหรือเปล่า ฉันพึ่งย้ายมาที่นี่ ยังไม่รู้จักใครมาก แล้วจะให้ไปหาได้ที่ไหนล่ะ"ฉันตวัดสายตาใส่เขาอย่าไม่พอใจนัก แต่เจ้าตัวก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"ไม่รู้ล่ะ ถ้าเธอทำไม่ได้...งานนี้ก็ยกเลิก เอาไงจ๊ะ..ทานตะวัน..." น้ำเสียงกวนประสาทของเขาทำให้ฉันจะเถียงออกไปแต่แล้ว เขากลับเดินเขามาใกล้ๆฉันส่งผลให้ฉันต้องเดินถอยหลังไปชนเปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาก้มหน้าลงมาจนระยะห่างของเขาและฉันห่างกันไม่ถึง 3 เซ็น ต่างคนต่างจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฝ่ายตรงข้ามอย่างค้นหา แต่แล้วร่างสูงก็เอ่ยขึ้น
"ตั้งใจซ้อมล่ะ...ทานตะวัน.." พูดจบก็เดินผละออกไปทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินออกจากห้อง เสียงของฉันก็ดังขึ้น...
"เรื่องวันนั้น...ขอโทษนะ..." ฉันพูดออกไปแล้ว ในที่สุดก็ได้พูดออกไป ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกและในเวลาเดียวกัน เต็งหนึ่งก็ก้าวเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่มุมปาก..เพียงแค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ขอเพียงแค่เธอ..มีรอยยิ้มที่สดใสมอบให้เขา แค่นี้ เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
"เฮ้ย!แล้วนี่แกจะหาใครมาเล่นไวโอลินล่ะ เหลือเวลาแค่สองวันเองนะโว๊ย นียา" เสียงร้องทักของคนร่างอ้วนดังขึ้น ในขณะที่กำลังยัดขนมปังฟาร์มเฮาส์ชิ้นที่สามอย่างเอร็ดอร่อย
"ก็นั่นน่ะสิ ฉันถึงต้องมานั่งเครียดอยู่อยู่นี้ไงล่ะ เฮ้ออ...กลุ้ม~~"ฉันถอนหานใจดังพรืดดด หลังจากที่ตอบคำถามโซดา
"ทำไมแกไม่มองคนใกล้ตัวบ้างล่ะ..."เฟิร์นเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
"แล้วใครล่ะที่มันเล่นไวโอลินได้...คนใกล้ตัวตอนนี้ก็มีแต่ไอ้หมูหน้าเหลี่ยม และช็อคโกแลต รสทรูโทนสองชิ้น"
ฟิ้วววว.....ปุ๊บบ! ป๊าบบบ!.....
"เสียงแรกนี่คือกล่องขนมปังฟาร์มเฮาส์ ส่วนเสียงที่สองนี้คือฝ่ามือจากคนใกล้ตัว และเสียงสุดท้ายที่คาดว่าจะไม่น่าจะโดน มาจากสันหนังสือวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในมือลูกปลา....
"~~สำนึกผิดแย้วววคร๊าบบบบ~~" ฉันร้องโอดครวญอย่างน่าหมั่นไส้
"สมควรแล้วล่ะที่โดน ชิชิ...^U^" โซดาหันมาพยักเพยิดหน้าใส่ฉัน เห็นแล้วมันอยากจะจับหมูลงกระทะไฟร้อนๆซะจริงๆ...ฮึย!
"ฉันหมายถึง...ทำไมแกไม่ให้นักไวโอลินมือหนึ่งของโรงเรียนช่วยล่ะ...อยู่ใกล้ตัวเองแท้ๆ" เฟิร์นพูดขึ้นหลังจากที่มองฉันกับโซดาทำสงครามเย็นกันอยู่ได้สักพัก
"แล้วมันผู้นั้นเป็นใครกันล่ะ....อย่าบอกนะ....ว่า.." ฉันหันไปมองคนที่คิดว่าน่าจะใช่ และเมื่อลูกปลาไม่ตอบ ฉันก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ
"โอ้~~~อลิซในดินแดนต้นมะขามเปียก (เวน)" ประโยคนี้ได้หลุดออกมาจากปากของนังอ้วน เอ้ย! โซดา และทุกคนก็ต้องพุ่งสายตาไปที่ลูกปลา...ซึ่งยืนพิงเสาอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
"ลูกปลาจร้า~~ ช่วยฉันหน่อยนะ..นะ..นะ ฉันไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว นอกจากเธอ อลิซใน เอ้ย! เพื่อนรักของฉัน..." เสียงอ้อนๆของฉันทำให้ลูกปลาเริ่มมีปฏิกิริยา ขยับหนีไปเรื่อยๆ
"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ...ในโรงเรียนนี้มีคนเล่นเป็นตั้งเยอะ ฉันขอปฎิเสธก็แล้วกัน ขอโทษนะนียา..."ลูกปลาเอ่ยเสียงเรียบ
"โห่....งั้นฉันต้องโดนนายเต็งหนึ่งเจาะกบาลเอาแน่ๆ ทำไงดีล่ะ" คำพูดของฉันส่งผลให้ลูกปลา หันกลับมาทันที
"พี่เต็งหนึ่ง...เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้" น้ำเสียงนิ่งแต่แววตาดูกระตือรือร้น
"เมื่อกี้นียามันก็มาบ่นให้ฟังแล้วไง แกมัวแต่สนใจหนังสือ...พี่เต็งหนึ่งน่ะ เขาจะขึ้นคอนเสิร์ตในวันนิทรรศการ โดยมีไอ้นียาเป็นมือเปียโน แต่ก็ยังขาดนักไวโอลิน...น่ะ" พอโซดาพูดจบปุ๊บสีหน้าของลูกปลาก็เปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่นานๆทีจะได้เห็น แต่พอได้สติลูกปลาก็พูดขึ้น
"ฉันจะช่วยแก...นียา" ลูกปลาตอบตกลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"จริงๆๆนะ...เยสสสส!!!"ฉันตะโกนร้องอย่างดีใจ โดยที่ไม่ได้สังเกตสายตาของเฟิร์น...ที่มองลูกปลาอย่างผิดหวัง
'แกคิดจะทำอะไร....ลูกปลา'
"หวัดดี...สาวๆนั่งทำอะไรกันอยู่หรอ" สองหนุ่มคนละมาดเดินเข้ามาทักกลุ่มของฉัน
"เปล่าหรอกไอซ์...ก็นั่งคุยกันตามประสา ว่าแต่ลมอะไรหอบพวกนายมาถึงที่นี่ล่ะ"เฟิร์นเอ่ยทักทั้งสองเป็นคนแรก แล้วชายหนุ่มอีกคนก็พูดขึ้น
"เจ้าแห่งสายลมพัดพาเอาหัวใจพวกฉันมาที่พวกเธอยังไงล่ะ(แหวะ)^_^" เอ็มยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ทุกๆคน แต่ขอโทษ นายไม่ใช่สเป็กฉันย่ะ!
"หุหุ ล่อเล่นหน่า...เล่นแค่นี้อย่างอนเลยนะ ที่พวกฉันมาก็เพื่อจะมาบอกนียาว่า เย็นนี้อย่าลืมไปทำเวรนะจ๊ะ สาวน้อย..." พอเอ็มพูดจบน้ำที่กำลังจะลงคอฉันก็ต้องสำลักออกมา
แคร็กๆๆ แคร็กๆๆๆ
"ถะ...ถึงเวรพวกเราแล้วเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ"ฉันถามออกไปอย่างนั้นแต่ใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ
"เธอเคยรู้เรื่องอะไรกับเขาไหมเนี่ย เอาเป็นว่าอย่าลืมแล้วกัน พวกฉันไปก่อนล่ะ บาย" ไอซ์ตอบก่อนที่จะวิ่งออกไปโดยที่ไม่ลืมโบกมือลา
"ว้าวววว...ถ้างั้น วันนี้แกก็ต้องอยู่สองต่อสองกับเจ้าชายในดวงใจน่ะสิ น่าอิจฉาว่ะ" โซดาเอ่ยขึ้น มือทั้งสองผสานกันทำท่าแบบเพ้อฝันสุดๆ
"อิจฉาบ้าอะไร ฉันไปทำเวร (ขอย้ำ เวน) นะโว๊ย ไม่ได้ไปฮันนีมูน แกนี่ประสาท" ฉันพูดออกไปอย่างกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
"โฮะๆๆๆ แล้วทำไมสาวน้อยของเราต้องหน้าแดงด้วยล่ะจ๊ะ" เฟิร์นแซวขึ้น ช่วยโซดาอีกแรง
"พวกแกพอเถอะ...ฉันเห็นแล้วสงสารนียามัน เดี๋ยวไม่มีกะจิตกะใจเรียนคาบต่อไปกันพอดี ไปเข้าห้องกันได้แล้ว" ต้องขอบคุณลูกปลาหรือต้องฆ่ามันทิ้งดี...ฉันจึงต้องเดินสงบปากสงบคำเข้าห้องไป
การเรียนในคาบบ่ายของวันนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป มีทั้งความสนุกสนาน ความเคร่งเครียด ความน่าเบื่อและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ความรู้สึกทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสมองของนียาเลยสักนิดเดียว ก็เพราะว่าพึ้นที่การจดจำนั้น ได้ถูกอีกความคิดหนึ่งกลบเกลื่อนไปหมดแล้ว
"เฮ้ออ...ในที่สุดฉันก็ส่งงานอาจารย์ลัคณาหมดแล้ว...อะไรมันจะสุขสบายขนาดนี้น้า~~" โซดาทำท่าโล่งใจสุดๆ เพราะได้เคลียร์งานที่ยังค้างคาเสร็จหมดแล้ว
“ดีใจด้วยว่ะเพื่อน...ถึงแม้ว่าแกจะส่งงานช้าที่สุดในห้อง อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ส่ง จริงไหม” เฟิร์นเดินอ้อมมาโอบไหล่โซดาด้วยความเคยชิน
“ฉันจะถือว่านี่คือคำชมนะ...งั้นเรากลับกันดีกว่า เออ...นียา แกอย่าหักโหมมากนักนะ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง” โซดาพูดขึ้นอย่างล้อเลียน ส่งผลให้คนที่เหลือปล่อยก๊ากๆๆออกมาพร้อมกัน
“ไอ้โซดา!ไอ้เพื่อนเฮงซวย กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ โธ่เว้ย!” ฉันสบถออกมาไม่เป็นคำพูด หลังจากที่เพื่อนทั้งสามได้วิ่งออกไปแล้ว คงเหลือแต่ฉันคนเดียวที่ยังยืนอยู่กับที่...
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ