บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ~ 16 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“นียา ทำไมเธอไม่รับโทรศัพท์ รีบๆรับสักทีดิ จะได้ประชุมต่อ” โจตระโกนจากหน้าห้องจนมาถึงหลังห้องที่ฉันยืนอยู่
“หะ หา! ขะ... ของฉันเหรอ” ฉันรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงทันที แต่! เงียบ...ไม่ใช่ของฉันนี่
“นี่ไงของฉัน...พวกนายบ้าหรือเปล่าหา!” ฉันตอบกลับทันที แต่ทุกคนก็ยังเพ่งสายตามาที่ฉัน ก่อนที่เฟิร์นจะไปหยิบกระเป๋านักเรียนฉันขึ้นมา
“เสียงมาจากในนี้ นี่มันกระเป๋าของแกนะ นียา” ฉันรับกระเป๋ามาอย่างงงงวย ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเก็บโทรศัพท์ของใครก็ไม่รู้ได้
“อะ...อ๋อ...แหะๆ โทษที ฉันลืมน่ะ ประชุมต่อเหอะมันเงียบแล้วล่ะ” หลังจากที่ทำเหลอหลาได้สักพักฉันก็หยิบโทรศัพท์ซังกะบ๋วยขึ้นมา
‘ไอ้โทรศัพท์บ้า ทำให้ฉันขายหน้ายังไม่พอ ยังบังอาจมีเสียงเรียกเข้าที่แสนอุบาตว์ให้ฉันได้ยินอีก ตายซะเถอะ ย๊ากกก!’ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ต้มยำทำแกงอะไร บุคคลที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
“แกเอาโทรศัพท์เครื่องนี้มาได้ไง นียา...” ลูกปลาเอ่ยขึ้นและหยิบโทรศัพท์จากมือของฉันไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันเห็นมันตอนอยู่ที่...เอ่อ...ที่หน้าห้องดนตรีน่ะ ทำไมเหรอลูกปลา แกรู้เหรอว่ามันเป็นของใคร” ฉันพยายามเสี่ยงที่จะบอกไปตรงๆเพราะไม่อยากให้เพื่อนสงสัย
“แกไม่รู้จริงๆเหรอว่านี่...ของใคร...” ลูกปลายกโทรศัพท์ขึ้นให้ดูอีกครั้ง
“จะไปรู้ได้ไงล่ะ ถ้ารู้ก็คงคืนเจ้าของไปแล้ว...แต่เมื่อกี้มีคนโทรเข้า สงสัยเจ้าของจะโทรมาตามล่ะมั้ง ไหน...ดูซิ” ฉันคว้าโทรศัพท์คืนมาอย่างรวดเร็ว เพื่อดูเบอร์ที่ไม่ได้รับโดยไม่ได้สังเกตแววตาของลูกปลาที่เปลี่ยนไปก่อนที่จะปรับให้เป็นปรกติ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะกดเปิด เสียงข้อความก็ดังขึ้น
~ ~ ติ๊ด ติ๊ด ~ ~ ติ๊ด ติ๊ด ~ ~
“อ่ะ! มีข้อความมาล่ะ” ฉันเอ่ยขึ้นแล้วจึงเปิดข้อความอ่าน
‘ ถึงทานตะวัน
ตอนเย็นช่วยเอาโทรศัพท์มาให้ที่ห้องดนตรี...แล้วเจอกัน
ดอกหญ้า’
“ฮั่นแน่! แกไปเป็นทานตะวันให้นายดอกหญ้าคนนี้แอบรักตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮะ บอกมาซะดีๆ” โซดาแซวขึ้นในขณะที่ฉันยังทำหน้างงๆ
“บ้า! แอบลงแอบรักอะไรกันโซดา ไร้สาระน่า...แล้วนี่ฉันจะเอายังไงดีล่ะ” ฉันถามเพื่อขอความคิดเห็น
“จะไปยากอะไร แกก็เอาโทรศัพท์นี่ไปคืนเขาก็สิ้นเรื่อง” เฟิร์นเปิดประเด็นคนแรก
“อืม...นั่นสิ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยเนอะ” ฉันยิ้มให้เฟิร์นด้วยความโล่งใจ
“เอ่อ...นียา...ให้ฉันเอาไปคืนให้แทนก็ได้นะ ตอนเย็นฉันว่าง” อยู่ดีๆลูกปลาก็พูดขึ้น ทำให้ฉันและเพื่อนที่อยู่ในวงสนทนามองไปยังลูกปลา
“อะ...เอางั้นเหรอ แต่ว่า...” ฉันหันไปสบตากับโซดา แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ให้นียาไปแหละดีแล้ว...ใครเป็นคนเก็บได้ก็ต้องเอาไปคืนด้วยตัวเองสิ จริงไหมลูกปลา” เฟิร์นโพล่งขึ้นขัดการตัดสินใจของฉัน ทำไมนะ...ฉันถึงรู้สึกว่าลูกปลามีเรื่องปิดบัง...หรือว่าฉันคิดไปเอง
อืม...งั้นก็ได้...เออ! ลูกปลาแล้วตกลงใครเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ล่ะ” ฉันตอบตกลงก่อนที่จะเปลี่ยนมาพูดเรื่องที่ยังค้างอยู่
ชั่วพริบตาเดียว ฉันเห็นลูกปลาหันไปสบตากับเฟิร์น แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันสื่อถึงอะไร...ฉันคงคิดมากไปเอง แล้วเสียงของลูกปลาก็ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์
“อ้อ...ฉัน...ไม่รู้หรอก...รุ่นนี้มีคนใช้เยอะ ฉันคงจำผิด” ลูกปลาบอกปัดๆไปอย่างเลี่ยงๆ
“อืม...เข้าเรียนกันเถอะ หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว” ฉันตอบรับเบาๆ แล้วหันหลังเดินเข้าห้องเรียนไปพร้อมกับเพื่อนตัวโต...
“แกคิดจะทำอะไรน่ะ...ลูกปลา...เลิกคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สักทีเถอะ...แกก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเป็นด้วย เพราะเขาไม่...”
“พอทีเถอะ! แกเลิกยุ่งกับเรื่องของฉันสักทีได้ไหม...เฟิร์น มันก็เป็นเพราะแกไม่ใช่เหรอที่ทำให้...” ประโยคสุดท้ายลูกปลาเงียบลงไปพยายามที่จะเก็บอารมณ์ แต่ก็คงคิดได้แค่นั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามข่มไว้กลับระบายออกมาจนหมดสิ้น ลูกปลาใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้งแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ขอโทษนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว บอกอาจารย์ด้วยว่าฉันไม่สบาย” พูดจบลูกปลาก็วิ่งแยกออกไปทันที โดยไม่ได้หันกลับมามองว่าเพื่อนของเธอกำลังเสียใจแค่ไหน
“ฉันขอโทษนะลูกปลา...ฉันผิดเหรอที่อยากให้คนที่ฉันรักทั้งสองคนมีความสุข” เฟิร์นรีบปาดน้ำตาที่อยู่บนแก้มทิ้ง ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติและวิ่งไปหาเพื่อนอีกสองคนที่เดินเข้าไปในห้องก่อนแล้ว
1 ปีที่แล้ว
“เฮ้ย! เต็ง...วันนี้แกช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งดิ” ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว คิ้วเข้ม น่าตาดี เอ่ยขึ้นกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กของตน
“ไรวะเบียร์ ถ้าทำได้ฉันก็จะทำนะโว๊ย” เต็ง หรือ เต็งหนึ่ง เอ่ยบอกเพื่อนของตนอย่างไม่ค่อยไว้ใจมากนัก
“เออน่า...ถ้าแกรับงานนี้ ฉันเลี้ยงข้าวแกวันหนึ่งโอมะ” เบียร์ยื่นข้อเสนอให้เพื่อนรักอย่างเจ้าเล่ห์
“เออ...ก็ได้ จะให้ทำไรล่ะ...” เต็งหนึ่งเดินเข้าไปใกล้เบียร์เพื่อให้เบียร์กระซิบบอกบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เต็งหนึ่งตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร...สักพักต่อมาเบียร์ก็ให้สิ่งของบางอย่างกับเต็งหนึ่ง
“แค่นี้ใช่ไหมที่จะให้ช่วย...ปรกติแกก็ทำเองนี่นา แล้ววันนี้ทำไมไม่ทำ” เต็งหนึ่งมองเบียร์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ไม่ใช่ไม่อยากทำ แต่ฉันต้องไปสอบซ่อมของอาจารย์ปิยะ แกมันเก่งแต่ฉันนี่สิโคตรโง่เลย” เบียร์อธิบายพลางบ่นให้เต็งหนึ่งฟังอย่างเซ็งๆ
“เอาน่า...ตั้งใจโว้ยเพื่อน...เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เต็งหนึ่งตบบ่าเพื่อนเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ แต่ใครจะรู้บ้างว่านี่เป็นกำลังใจครั้งสุดท้ายที่เบียร์จะได้รับจากเพื่อนรักของเขา
“แกจะไปไหนอ่ะลูกปลา นี่มันเลิกเรียนแล้วนะกลับบ้านเถอะ” หญิงสาวร่างบางผิวสีแทนเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋าของตนอยู่
“ฉันก็จะไปตามล่าหาไอ้โรคจิตน่ะสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่าหน้าตามันเป็นยังไง สมองมันถึงได้คิดอะไรที่พิสดารได้ขนาดนั้น แกไม่เห็นเหรอเฟิร์น...ลูกโป่งถุงยางอนามัยสีสันต่างๆ สีชมพูเอย เหลืองเอย ฟ้าเอย มันมาอยู่ในล็อกเกอร์ของช้านนนได้ไง วันนี้แหละฉันจะต้องจับไอ้บ้ากามนั่นให้ได้” หญิงสาวหุ่นเพรียว ร่างบอบบางอรชร ผิวสีแทนนิดๆ น่าตาสวยไม่ใช่เล่นกำลังทำหน้าเป็นนางยักษ์พันธุรัตน์เพื่อจะจับพระอภัยมณีน่ะสิ โหย ~ ~ สยิวกิ้ว ~ ~
“เออน่า...ใจเย็นๆก่อน...แกไม่รู้หรือไงว่าลูกโป่งถุงยางน่ะมันมีความหมายว่า เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เรื่องเซ็กส์ตัดทิ้งไปได้เลยไม่สำคัญต่อความรู้สึกที่แท้จริง...ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือน่ะ แกอย่าไปยึดติดนักสิ” เฟิร์นพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนตนให้สงบจิตสงบใจลงแต่...
“จะยังไงก็ช่าง...ฉันไม่มีวันให้อภัยนายนั่นแน่ แกคอยดูก็แล้วกัน เฟิร์น” พูดจบลูกปลาก็กระทืบเท้าปึงปังเดินจากไป ปล่อยให้เฟิร์นถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พี่เบียร์คะ เฟิร์นคงช่วยพี่ได้แค่นี้...เฟิร์นขอให้พี่สมหวังกับเพื่อนรักของเฟิร์นนะคะ เฟิร์นจะดีใจมากถ้าเห็นคนที่เฟิร์นรัก...ทั้งสองคน...มีความสุข” เฟิร์นได้แต่ยืนพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องประจำของมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ...
และในขณะเดียวกันนั้นได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางมีพิรุทชอบทำลับๆล่อๆเดินตรงไปยังตู้ล็อกเกอร์ของนักเรียนหญิง ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าตู้ที่มีชื่อติดว่า ‘ลูกปลา’ ก่อนที่จะรีบล้วงเอากุญแจผีที่เพื่อนรักของเขาไปแอบปั๊มมา จากนั้นเขาก็รีบนำสิ่งของที่แอบอยู่ในเสื้อแขนยาวออกมาวางไว้ในตู้แล้วจึงบรรจงปิดตู้อย่างเบามือ...ไม่นานนักร่างสูงในความมืดก็หายไปทิ้งไว้เพียง...สายตาอีกคู่หนึ่งที่แอบดูการกระทำของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่อยู่ในแววตาคู่นั้นไม่ใช่ความโกธร ไม่ใช่ความไม่พอใจ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะความเข้าใจผิดจึงทำให้ความขุ่นเคืองในตอนแรกถูกความพอใจและรุ่มหลงทับถมจนหมดสิ้น...
“ลูกปลา ลูกปลาๆๆ รอฉันด้วยสิ...เฮ้ย! แกได้ยินฉันไหมเนี่ย” เฟิร์นตะโกนเรียกชื่อเพื่อนของตนอย่างรีบเร่ง
“มีอะไรเฟิร์น...แกกลับไปก่อนเถอะ ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ คือ...ฉันมีธุระน่ะ” ลูกปลาอธิบายอย่างรวดเร็วพลางมองนาฬิกาข้อมือของตนไปด้วย
“เดี๋ยว ธุระอะไรกันนักหนา ตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา แกชอบหายหัวไปตอนเย็นทุกครั้งเลยนะ มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า” เฟิร์นถามขึ้น
“ปะ...เปล่านี่...แกคิดมากไปเอง เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะกลับพร้อมแกก็แล้วกันนะ ไปก่อนล่ะ บาย” ลูกปลาพูดจบก็วิ่งออกไปทันที ปล่อยให้เพื่อนของเขามองตามอย่างไม่เข้าใจ
“ไอ้เบียร์ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย ที่จะต้องมาทำตัวเหมือนคนบ้าโรคจิตย่องเบาเปิดตู้ล็อกเกอร์ของผู้หญิงเนี่ย” เต็งหนึ่งร่ายเป็นชุดใส่เพื่อนรักของเขา
“โธ่...เต็งง่ะ...ช่วยเพื่อนตัวน้อยๆอย่างฉันหน่อยไม่ได้เหรอ นะ นะ น้าาา ~ ~” เสียงอ้อนของเบียร์ทำให้ขนแขนลุกกะทันหัน
“แต่นี่มันจะ 2 อาทิตย์แล้วนะโว้ย! ถ้ารักจริงแกก็น่าจะไปสารภาพตรงๆกับน้องเขา ไม่ใช่มาทำเป็นไอ้หื่นหน้าหมาแบบนี้!” ประโยคสุดท้ายเต็งพยายามเน้นสุดๆ
“เออๆๆ...รู้แล้วน่า...ถ้าฉันไม่ติดธุระทางบ้าน ฉันก็ไม่ขอให้แกช่วยหรอกและอีกอย่างฉันตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกน้องลูกปลาด้วยตัวของฉันเอง” เบียร์ชูกำปั้นขึ้นเพื่อเป็นการเรียกกำลังใจของตัวเอง
“ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน...ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสักที เฮ้อออ…” เต็งตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อการให้กำลังใจ
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมาถึงคาบเรียนคาบสุดท้ายของวัน นักเรียนชั้น ม.3/7 ต่างพากันรีบเก็บกระเป๋าสัมภาระของตนเองเพื่อจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
“เฮ้! ห้องนี้มีคนชื่อลูกปลาไหม” เสียงเด็กผู้หญิงห้องข้างๆยืนตะโกนอยู่หน้าห้อง เมื่อเจ้าของชื่อถูกเรียกมีหรือที่จะนิ่งเฉย
“เราเอง มีอะไรเหรอ พลอย” ลูกปลาเดินออกไปหาเพื่อนข้างห้องโดยมีเฟิร์นยืนอยู่ข้างๆเสมอ
“อ๋อ...คือรุ่นพี่ม.4ให้ไปพบที่ห้องดนตรีน่ะ ตอนนี้เลยนะเดี๋ยวพี่เขารอนาน” พูดจบพลอยก็วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
“ใครกันนะที่มาเรียกแก...ลูกปลา ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” เฟิร์นถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก...เธอไปรอฉันอยู่หน้าตึกประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันตามไป” ลูกปลาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดว่าเธอกำลังดีใจกับอะไรบางอย่าง
“อืม...เอางั้นก็ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ”
“จร้า~ ~ ~” เสียงตอบรับสั้นๆของลูกปลาไม่ได้ทำให้เฟิร์นหายเป็นห่วงได้เลย
“หรือว่าจะเป็น...พี่เบียร์...” คิดได้แค่นั้นร่างบางก็วิ่งฝ่าลมที่กรรโชกแรงของท้องฟ้า ที่กำลังตั้งเคล้าว่าพายุใหญ่กำลังจะมาในอีกไม่นาน!
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ