Turning Point.

10.0

เขียนโดย jundee

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 14.08 น.

  7 chapter
  23 วิจารณ์
  12.99K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         กำไลแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่หมอหนุ่มเพื่อนซี้ถาม ...ต้นกำลังจะถามย้ำแต่เสียงพูดคุยของนัทกับศจีที่กำลังหอบไม้ฟืนเดินมาทำให้หมอหนุ่มต้องหยุด   ..."เฮ้อ!..."  กำไลถอนหายใจเสียงดังจนต้นหันมามองหน้าเธอ  แล้วเสมองไปทางนัทกับศจี  มาปีนี้  ดูศจีสวยขึ้นจนผิดหูผิดตา  คงอาจเป็นเพราะแหวนวงเล็กๆที่เธอสวมนิ้วนางข้างซ้ายก็ได้   ต้นก่อไฟเตรียมหุงข้าวในหม้อสนามทั้งสี่ใบ  กำไลล้างผักที่ซื้อมาจากตลาดตั้งแต่ก่อนขึ้นมาบนที่พักนี้   เตรียมไว้  

           แห้งกับฑีเดินมาสมทบพอดีพร้อมเสียงบ่นของแห้ง..."  ลืมอะไรไม่ลืม  ดันลืมแต่ของสำคัญ  น้ำปลางี้  ผงปรุงรสงี้..ชั้นไม่กินนะกับข้าวไม่อร่อยฝีมือยายไลน่ะ  นี่ดีนะไม่ลืมข้าวด้วย  ม่ายงั้นชั้นกะไอ้ฑีได้เดินหอบซี่โครงบาน  ไม่ใช่ใกล้ๆนะโว้ยกว่าจะขึ้นมาถึง  ยิ่งจะมืดๆแล้วด้วย  คนก็ไม่มีเลย  กลัวเสือมาคาบไปกิ..".ป้าป!... เสียงฝ่ามือแบๆของฑีฟาดที่ปากเพื่อนแบบเบาๆ  แต่เอาเสียงข่ม  "ไอ้นี่  ปากเสีย  เขาว่าเข้าป่าอย่าถามหาเสือ  นั่งเรืออย่าถามหาไอ้เข้.." 

   "ช่ายๆ"เสียงสนับสนุนดังมาจากนัท  ที่กำลังลากท่อนไม้ใหญ่ขนาด

ต้นขานักเพาะกายระดับชาติ   "แกก็เหมือนกัน  ใครให้ลากไม้มาแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนลากเข้ามั่งหรอก .. ไอ้ต้นไปช่วยมันยกดิวะ นั่งมองอยู่ได้"  ฑีถือโอกาสทั้งดุทั้งสอนเพื่อนไปในตัว  ถึงแม้  ป่าแห่งนี้จะไม่ใช่ป่าลึกลับซับซ้อนอะไร  แต่เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนคะนองปากนัก  เขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้  เพราะเขาเติบโตมาจากบ้านป่าบ้านเขา   บรรพบุรุษของเขาก็เติบโตหากินมาจากป่า   แต่ที่ได้มาเรียนแพทย์เพราะหัวดี  สอบติดเพียงคนเดียวของอำเภอ  และพ่อที่เป็นกำนันถึงอยู่บ้านนอกหากเทียบกับในเมือง  ก็มีความคิดทันสมัยพอที่จะไม่ขัดขวาง หรืออยากให้ลูกชายเป็นแค่ไอ้ฑี   ได้ ขายวัวไปหลายสิบตัวเพื่อให้ลูกชายได้เป็น"คุณหมอฑี"อย่างนี้   ขณะที่เพื่อนๆช่วยกันก่อไฟกองใหญ่เพื่อให้แสงสว่างและไล่ยุงหรือแมลงอยู่นั้น  ฑีแอบลอบมองกำไล  รู้สึกว่าเธอเงียบเกินกว่าที่เป็นเธอ  เขารู้สึกห่วงเธอจับใจ  และแอบห่วงมาเสมอ  ตั้งแต่วันที่เธอมัวแต่หาชื่อตัวเองจนพาส้นรองเท้าหนังชั้นดีราคาแพง  ถอยมาเหยียบลงบนรองเท้าหนังเทียมถูกๆของเขาจนเขาต้องหน้าเขียวหน้าเหลืองไป  เพราะเธอนึกว่าเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่รองเท้าของคนๆหนึ่ง   .....มองแค่รองเท้า ... ก็รู้ว่าเราต่างกัน ......

ฑีอดนึกถึงเพลงลูกทุ่ง ที่มันมาตรงใจของเขาเสียเหลือเกินในตอนนั้นไม่ได้

        เป็นเพราะอย่างนี้เขาถึงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนๆทุกคน  ที่อุสาห์ยอมคบหากับเขาเป็นเพื่อน  ทั้งๆที่แต่ละคน  ไม่มีใครที่จะต้อยต่ำเหมือนเขาเลย   นัทลูกชายร้านขายทองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด  แถมยังหล่อร้ายกินขาดใครๆ  แห้งที่บ้านเป็นร้านขายส่งทุกอย่างที่เขากับเพื่อนๆต่างล้อว่า  ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ  อยากได้อะไรล่ะ  จัดได้หมด   แต่ที่ทุกคนเรียกแห้ง  ก็ด้วยหุ่นที่แสนบอบบางและผิวที่สีขาวจนออกขาวซีดนั่นต่างหาก  แต่เงินในกระเป๋าของแห้งไม่เคยแห้งเลย

บางครั้งตอนที่เรียน  เขาก็ได้แห้งเป็นคลังอาหารที่อุดมสมบูรณ์เสมอ       ต้นลูกคนมีฐานะ   มีความเป็นชาวกรุงเต็มเปี่ยมในตัว  แต่หัวใจกลับรักป่าเขา  เรียนจบแล้ว  ร่ำร้องแต่จะอยู่จังหวัดไกลๆที่ทุรกันดาน  และสมใจในที่สุด  แจ่มใสก็ลูกหลานผู้ดีเก่า  สืบเชื้อสายมาจากขุนน้ำขุนนางเก่าแก่   ว่ากันว่าแค่จานใส่ข้าวที่บ้านยังราคาแพงกว่าทองเสียอีก  กำไลหรือนางสาวกลมวรรณ  ลูกสาวนายทหารใหญ่ยศถึงพล.อ.  แต่เก่งกาจเกินตัว   สอบเรียนทุนมาทุกปี  มีอุดมการณ์เหมือนพ่อ หยิ่งแกมฉลาด  และน่ารักเสมอในสายตาของเขา   หากจะว่าไป  คงมีเพียงศจีเท่านั้นที่เขาไม่รู้รายละเอียดนัก  รู้แต่ว่าเธอเป็นสาวสวยคนหนึ่ง  และเป็นคนที่นัทเพื่อนของเขารัก  คนรักของเพื่อนเขาย่อมไม่อาจไปข้องแวะซักถามอะไรมากมาย  อีกอย่างศจีก็เป็นคนนิสัยดีพูดจาน่ารัก  มนุษย์สัมพันธ์เป็นเยี่ยม  ทำให้ทุกคนอ้าแขนรับเธอได้อย่างสนิทใจและรวดเร็ว

       "แล้วเราจะทำอะไรทานคะพี่ฑี?"  ศจีเอ่ยถาม  พลางคลี่ผ้ายางปูกับพื้นข้างกองไฟ

       "ยำปลากระป๋อง  ปลากระป๋องต้มยำหรือไงวะฑี"  นัทชิงตอบขึ้น  แบบข่มนิดๆตามประสาคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาอกเอาใจเกินเหตุ

       "แบบนั้นมันกระจอกเกินไป  ไม่สมกับไอ้ฑีหรอก"  ต้นพูดดักคอนัท  ในกลุ่มนี้  เห็นจะมีเพียงต้นเท่านั้นที่นัทไม่อยากต่อกรด้วย

       "เออน่า...  หิวมานะกะเกลือชั้นก็กินข้าวได้"  นัทตอบเพื่อเกลื่อนความรู้สึกเสียหน้าไป  แต่ก็ทำให้บรรยายกาศดีขึ้น  เรียกเสียงหัวเราะให้เกิดได้  แล้วทุกคนก็ช่วยกันปรุงอาหาร  กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสองทุ่ม  รอบๆตัวมืดสนิท  ป่าตอนกลางวันกับป่าตอนกลางคืนแตกต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ  เสียงแมลงกลางคืนกรีดปีกส่งเสียงทั่วบริเวณ  คนที่ไม่คุ้นหากได้ฟังแล้ว  อดที่จะแปลกใจกับความแตกต่างไม่ได้ หรือแม้แต่สร้างความหวั่นไหวใจไปเลยก็มี

               จนตั้งสำรับแล้ว  เหมือนต้นจะนึกอะไรขึ้นมาได้  เอ่ยปากถามหาแจ่มใสอีกครั้ง  "แจ่มล่ะ...  ใครเห็นแจ่มบ้าง?..."  ทุกคนมองหน้ากัน   "นั่นสิ..เรายังไม่เห็นแจ่มเลย"  แห้งเอ่ยโพล่งออกมา...

........      "แจ่มไปล้างหน้า"  เดี๋ยวเราไปตามเอง  กำไลพูดพลางคว้ากระบอกไฟฉายติดมือไป  "เราไปเป็นเพื่อน"   ฑีบอกแล้วลุกเดินตามกำไลไปติดๆ

               จากตรงจุดที่กางเต้นท์  ไปถึงห้องน้ำไกลพอสมควร  ถึงห้องน้ำจะมีไฟฟ้า  โดยที่เครื่องปั่นไฟของทางวนอุทยานติดอยู่  แต่ก็จะปิดทันทีเมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มตรง  แต่ทางที่เดินนั้นก็มืดมาก  กำไลฉายไฟไปตามทางเดินเพราะอย่างน้อยก็พออุ่นใจว่ามีฑีเดินมาด้วย  แต่เรื่องงู  กำไลไม่ค่อยวางใจนัก   เธอแสนเกลียดและไม่อยากเจอกับมันไม่ว่างูอะไรก็ตาม...

               ใกล้ถึงห้องน้ำหญิง  กำไลส่งไฟฉายให้ฑี  ส่งเสียงเรียกชื่อแจ่มใสออกไปดังๆหลายที  แต่ทุกอย่างเงียบเชียบราวไม่มีผู้ใดอยู่

            "เธอรอตรงนี้นะฑี เดี๋ยวไลจะเข้าไปดูเอง"

            "อื้ม..  มีอะไรก็เรียกเรานะกำไล"  ฑีรับคำพลางบอกด้วยรู้สึกที่แสนแปลกประหลาดลึกๆ   เขาเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับแจ่มใสเสียแล้ว

 

 

 

                        โปรดรอติดตามตอนต่อไปค่ะ.....

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา