กำแพงรัก

-

เขียนโดย Mawmeaw

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 16.45 น.

  10 ตอน
  18 วิจารณ์
  17.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 09.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) สร้างวีรกรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ขณะนั่งในรถยนต์ของชายหนุ่ม ศิริกัญญารู้สึกอึดอัดเต็มที เธอรู้สึกว่าภายในรถเงียบเชียบมาก ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างคนขับและคนนั่งข้างๆ เลยแม้แต่น้อย

               

ศิริกัญญาได้แต่ภาวนาในใจให้พี่ชายของเธอรีบกลับมาเร็วๆ เพราะตอนนี้เธอแทบจะกลั้นลมหายใจไว้ เนื่องจากไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจออกมาตรงๆ

               

จู่ๆ สิงหราชก็พูดขึ้นว่า

               

“เธอกับพี่ชายคงจะสนิทกันมากสินะ”

               

“ค่ะ”

               

หญิงสาวตอบรับเพียงสั้นๆ

               

“ถ้าเกิดสมมติว่าเธอกับพี่ชายจำเป็นต้องจากกันไปแสนไกล เธอคงจะรู้สึกคิดถึงเขามากสินะ”

               

“ค่ะ”

               

หญิงสาวรู้สึกสงสัยในคำพูดแปลกๆ ของเขา แต่ก็ได้แค่คิดในใจไม่กล้าถาม

 

ด้วยกลัวสายตาดุเยี่ยงเสือที่มองมาขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากถาม ทำให้เธอต้องหุบปากเงียบไปทันที

               

“เธอไม่ต้องกลัว ถึงพี่ชายเธอจะไม่อยู่ แต่ฉันจะช่วยดูแลเธอเอง”

 

หญิงสาวแอบคิดว่า

 

“แต่ฉันคิดว่า ฉันอยู่กับคุณฉันยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าเสียอีก”

 

สิงหราชหันมามองหน้าหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้าต่อ

 

เขาถามเธอว่า

 

“เธอกินข้าวมารึยัง หิวหรือเปล่า”

 

“เอ่อ…ฉัน…ฉันกินมาแล้ว ฉันยังไม่หิว”

 

“แต่ฉันหิวแล้ว เราจะแวะกินข้าวร้านข้างหน้ากัน”

 

หลังจากเขาพูดจบ ชายหนุ่มสังเกตว่าศิริกัญญาทำหน้าไม่พอใจให้เห็นแว๊บหนึ่ง

 

ชายหนุ่มจึงพูดว่า

 

“ตามใจนะ เธอจะไม่กินก็ได้ งั้นเธอก็รออยู่ในรถแล้วกัน”

 

หญิงสาวไม่ตอบ เธอได้แต่แอบนึกในใจว่า

 

“คนอะไรเผด็จการชะมัดยาด ความจริงเราก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเลย หิวก็หิว แต่ทำงัยได้ บอกนายนั่นไปแล้วสิว่าไม่กิน เฮ้อ! คงต้องหิวท้องกิ่วอยู่ในรถนี่แหละยัยส้มเอ๊ย เดี๋ยวค่อยหาโอกาสแว๊บลงไปหาซื้อขนมแถวๆ นี้กินไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน”

 

ดูเหมือนชายหนุ่มจะเดาความคิดเธอออก เขาพูดขึ้นมาว่า

 

“ถ้าเธอไม่กินก็นั่งรอในรถนี่แหละ อย่าออกไปไหนนะ เฝ้ารถให้ฉันด้วย”

 

หญิงสาวแอบเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

 

“หึ คนอะไรเผด็จการชะมัด นายเสือยิ้มยากเอ๊ย”

 

เมื่อถึงร้านอาหารสิงหราชก็ลงจากรถ เดินเข้าไปในร้าน โดยทิ้งหญิงสาวให้นั่งอดทนต่อความหิวอยู่ภายในรถตามลำพัง

 

ศิริกัญญาใช้มือกุมที่ท้อง ซึ่งตอนนี้มันส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความหิวโหย

 

หญิงสาวอดทนอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจลงจากรถตรงดิ่งไปยังร้านรถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งทันที

 

โดยเธอหารู้ไม่ว่าที่มุมหนึ่งภายในร้านอาหารสิงหราชกำลังยืนมองมาที่เธอด้วยแววตานิ่งขรึม

 

ศิริกัญญายืนรอลูกชิ้นปิ้งที่เธอสั่งเอาไว้

 

ขณะนั้นมีนักเลงประจำถิ่นเดินออกมาพร้อมลูกน้องอีกสองคนเดินเข้ามาสั่งลูกชิ้นปิ้ง

 

พวกมันชำเลืองมองมาทางศิริกัญญาและกระซิบกระซาบกันสักพัก

 

ก่อนที่หัวหน้านักเลงจะเดินตรงมาหาหญิงสาว ก่อนพูดขึ้นว่า

 

“มาซื้อลูกชิ้นปิ้งคนเดียวเหรอจ๊ะน้องสาว หน้าตาท่าทางแบบนี้คงจะมาจากต่างจังหวัดแน่ๆ แถวนี้พี่รู้จักทุกตรอกซอกซอยเป็นอย่างดี เอาอย่างนี้ดีกว่าให้พี่ไปส่งดีกว่านะจ๊ะ ว่าแต่น้องสาวชื่ออะไร แล้วพักอยู่ที่ไหนล่ะจ๊ะ”

 

“เอ่อ…ไม่ป็นไรจ้ะพี่ชาย เกรงใจ เดี๋ยวกลับเองได้จ้ะ”

 

หลังจากหญิงสาวพูดจบ ลูกชิ้นปิ้งที่สั่งไว้ก็เสร็จพอดี เธอยื่นตังค์ให้แม่ค้า ก่อนรับถุงลูกชิ้นปิ้งมาถือไว้

 

และหันไปพูดกับนักเลงกลุ่มนั้นว่า

 

“ถ้าอย่างนั้น กลับก่อนนะจ๊ะพี่ชาย”

 

พูดจบเธอก็รีบสาวเท้าออกจากที่นั่นไปทันที

 

“อ้าวจะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ พี่บอกแล้วงัยว่าพี่จะไปส่ง”

 

หัวหน้านักเลงพูดพร้อมกับ เดินตามศิริกัญญาไปจนทันเธอ

 

และจงใจจะยืนขวางทางเธอเอาไว้

 

ศิริกัญญาพูดขึ้นว่า

 

“พี่ชายหลีกทางไปดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”

 

“โอ้มีท้าทายซะด้วยสิน้องสาว ฮ่าๆๆ”

 

พวกมันหัวเราะอย่างเห็นป็นเรื่องขำขันในสิ่งที่ศิริกัญญาพูด

 

หญิงสาวไม่รอช้าจัดการสามนักเลงลงไปกองกับพื้นภายในชั่วพริบตา ก่อนจะแถมท้ายว่า

 

“ขอโทษนะพี่ชาย บอกแล้วไม่เชื่อ หนูเป็นน้องสาวนายทหารสังกัดกองทัพบกเชียวนะ หรือว่าพี่ชายไม่เชื่อจะลองดวลซักตั้งก็ยังได้นะ”

 

พอหญิงสาวพูดจบ สามนักเลงก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากอาการบาดเจ็บ

 

พวกมันบ่นอย่างหงุดหงิดและเจ็บใจที่แพ้ผู้หญิงอย่างเธอ

 

“บ้าเอ๊ย! ผู้หญิงอะไรวะ หมัดหนักชะมัด กลับโว้ยพวกเรา”

 

หญิงสาวได้แต่ยืนมองผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจที่สามารถจัดการสามนักเลงลงได้อย่างราบคาบ

 

แต่ไม่ทันที่จะทำอะไร เสียงดุๆ ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลัง

 

“ศิริกัญญา ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าให้นั่งรออยู่ในรถเท่านั้นน่ะ นี่ไม่ทันไรออกมามีเรื่องกับพวกนักเลงประจำถิ่นซะแล้ว เธอนี่มันอวดเก่งจริงๆ”

 

หญิงสาวหันกลับมา และเถียงเขาขึ้นว่า

 

“ฉันก็แค่ลงมาหาอะไรกินแป๊บเดียว ทำไมต้องเสียงดังด้วย แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้คุณเดือดร้อนด้วย คุณเสือ”

 

“ใครว่าไม่เดือดร้อน เธอไปมีเรื่องกับพวกนักเลง คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้ทำเป็นอวดเก่งขนาดนั้น รู้หรือเปล่าสักวันเธออาจจะโดนพวกมันเล่นงานคืนเอาได้”

 

“เธอผิดแล้วที่คิดว่ามันมีกันแค่สามคน ความจริงมันมีกันเป็นสิบๆ นี่แค่นักเลงหางแถวฝีมือกระจอกเท่านั้นเอง เธอคิดว่าเธอคนเดียวจะรับมือพวกมันไหวเหรอ ห๊ะ!”

 

“รู้แล้วน่า ถึงยังงัยพี่ชายฉันต้องมาช่วยฉันอยู่ดีล่ะ ทำไมเรื่องแค่นี้ ต้องทำเสียงดุใส่กันด้วย”

 

หญิงสาวเสียงดังด้วยความโมโหไม่แพ้กัน

 

แต่ชายหนุ่มกลับโพล่งขึ้นมาว่า

 

“พี่ชายเธอนะเหรอจะมาช่วยเธอ ไอ้สันต์คงมาช่วยเธอไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้มัน…”

 

“เอ๊ะ! คุณหมายความว่ายังไง ตอนนี้พี่สันต์เป็นอะไรงั้นเหรอ”

 

“เอ่อ…ก็…เปล่านี่ ก็ตอนนี้มันไม่อยู่ มันจะมาช่วยเธอได้ยังงัย ไป! กลับกันได้แล้ว”

 

ชายหนุ่มมีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมมากกว่าเดิมทันทีเมื่อพูดถึงพี่ชายของศิริกัญญาซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขา

 

เขารีบตัดบทและเดินนำไปที่รถทันที

 

ศิริกัญญาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

เธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นหรือมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เป็นความลับสำหรับเธอ ที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับการไปประจำการที่ต่างจังหวัดของพี่ชายในครั้งนี้แน่ๆ

 

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา