นักสืบชิดชัยกับคดีฆาตกรรมปริศนา

7.7

เขียนโดย miracle

วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 01.07 น.

  10 chapter
  18 วิจารณ์
  21.49K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) กำเนิดนักสืบคิด ตอนที่ 4:ฝันร้ายที่เป็นจริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สิ่งที่จะทำให้มนุษย์ปุถุชนผู้มีอารยะธรรมที่เจริญแล้วเกิดความรู้สึกหวาดผวามาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ สิ่งนั้นก็คือความกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้จะเป้นความกลัวที่ทำให้มนุษย์หวาดผวาและกลัวได้มากที่สุด เหมือนผมที่ไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาใดๆทั้งสิ้น ก็กลับต้องมากลายเป็นฆาตกรสุดโหดฆ่าแฟนถลกหนังหัวแบบนี้ ในหัวสมองของผมท่ามกลางความเงียบสงัดมีแต่คำว่า ใคร ใคร ใคร ทำไม ทำไม ทำไมและทำไมผุดขึ้นมาเต็มหัวไปหมด


“ก๊อก ก๊อก...” เสียงประตูดังขึ้น ทำให้ผมตื่นจากภวังค์


“นี่พี่เอง ชิด เปิดประตูให้พี่เข้าไปข้างในหน่อยได้ไหมจ๊ะ”  เสียงก้อยเป็นสัญญาณว่าพวกเขากลับกันมาแล้ว


ผมเดินไปที่ประตู มองลอดผ่านไปยังช่องตาแมว เห็นเพียงก้อยคนเดียวยืนอยู่นอกประตู ผมเกิดความสงสัยเล็กน้อย  และเปิดประตูเพื่อให้ก้อยเข้ามา


“อ้าว แล้วไอ้หนุ่ยล่ะพี่ มันไปไหนแล้ว” ผมถามเพราะมีแต่ก้อยคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้ามา


“ปิดประตูก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหม” ก้อยเตือนผมด้วยความหวังดี ผมปิดประตูเสร็จ ก้อยก็พูดต่อไปว่า


“พอดี หนุ่ยเค้ามีธุระน่ะ ก็เรื่องชิดนั่นแหล่ะ พอดีแม่เค้าโทรมาตาม บอกว่าตำรวจโทรมาที่บ้านบอกว่าสักพักจะไปที่บ้านเพื่อสอบปากคำสักหน่อย แต่อีกสักพักก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ หนุ่ยฝากพี่มาบอกชิดว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวเค้าจะจัดการให้ แล้วก็ฝากเงินมาให้ชิดด้วยเป็นเงินสามร้อยดอลลาห์(ประมาณ เก้าพันบาท) คงพอจะให้ชิดใช้จ่ายได้บ้าง”  ก้อยอธิบาย ทำให้ผมหมดข้อสงสัย


“มากินข้าวกันดีกว่า พี่ซื้อของโปรดชิดมาให้ด้วยนะ แพนงกุ้งราดข้าว พี่บอกให้ร้านเค้าทำเผ็ดๆหน่อย มารีบมากินก่อนที่มันจะเย็น” ก้อยเรียกผมพร้อมกับแกะกล่องข้าวออกมาให้ พร้อมๆกับส่งช้อนและส้อมมาให้ผม


“พอดีพี่ว่าจะซื้ออย่างอื่นมาให้ด้วย แต่วันนี้พี่ต้องไปรับเงินเดือนพอดี เลยให้หนุ่ยซื้อกับข้าวแทน นี่เดี๋ยวพี่แกะพริกน้ำปลาให้” ก้อยช่างดีกับผมเหลือเกิน


ผมกินข้าวเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จ ออกมาก้อยก็จัดที่นอนให้ผมซะเรียบร้อย แล้วก็บอกกับผมว่า


“เมื่อกี้หนุ่ยส่งข้อความมาบอกนะว่าจะมาช้าสักหน่อยให้นอนไปก่อนไม่ต้องรอ เดี๋ยวพี่จะรอแทนให้เอง ชิดนอนไปเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วง”


“ครับพี่ก้อย ถ้าหนุ่ยมาก็เรียกผมแล้วกันนะครับ”


ตอบเสร็จผมก็นอนลงไปบนฟูก คิดในใจว่าสถานการณ์แบบนี้ใครมันจะมีแก่ใจไปนอนหลับลง ผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มครึ่งพอดี  ดูเสร็จก็มองไปทางก้อยเห็นก้อยกำลังอ่านนิยายไทยอยู่ ผมคิดว่าถ้าผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ผมคงจะต้องมองก้อยใหม่ และให้ความสำคัญกับก้อยมากกว่านี้แน่ๆ เรื่องทั้งหมดทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรจะตัดสินใครจากภายนอก ผมหันกลับมาและมองไปบนเพดาน รู้สึกหัวเริ่มหนักขึ้น ผมงง ทำไมอยู่ๆมันถึงง่วงได้ขนาดนี้นะ ในระหว่างที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับไปนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีคนมาเคาะประตู ก้อยหันมาพูดกับผมว่า


“สงสัยจะเป็นหนุ่ยกลับมาแล้วแน่ๆ”


ผมเห็นก้อยลุกขึ้นไปเปิดประตู ยังไม่ทันเห็นว่าใครกันนะที่มาผมก็ผลอยหลับไป

 

 


....ผมตื่นขึ้นมาบนทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตัวเองสามารถล่องลอยไปได้ทุกที่ ทันใดนั้นผมก้ได้ยินเสียงเรียกชื่อผม


“คิด คิด คิด... มาทางนี้สิ เร็วมาทางนี้สิ”  เสียงนี้เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยมาก ใช่แล้วนี่เป็นเสียงของเมย์แน่ๆ


ผมมองหา มองไปรอบๆ แต่มองหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ทันใดนั้นอยู่ๆ ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีที่อยู่รอบๆตัวผมก็หายไป มีแต่ความมืดมิดเข้ามาปกคลุม ผมรู้สึกหวาดกลัว ผมรู้สึกหนาว ทันใดนั้นพื้นที่ผมเหยียบก็กลับกลายเป็นหุบเหวลึกสุดเกินจะบรรยาย ผมตกลงมาด้วยความเร็วสูงมาก ผมตะเกียกตะกายดิ้นรนอย่างสุดชีวิต และแล้วผมก็ตกลงมาในโกดังร้างแห่งหนึ่ง ผมตั้งสติและลุกขึ้นยืนมองไปรอบรอบ และข้างหน้าผมไม่ไกลออกไปเท่าไรนัก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ ผมมั่นใจว่านั่นต้องเป็นเมย์แน่ๆ น้ำตาผมเริ่มไหลริน ผมตะโกนเรียกเธอสุดเสียง


“เมย์ ..... เมย์! นั่นเธอใช่ไหม”


ผมวิ่งเข้าไปหาเธออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ตะโกนออกมาว่า


“กลับไปซะ อย่ามาตามหาตัวชั้นอีก กลับไปซะ! กลับไป!”


ผมหยุดวิ่ง และเหลือบมองไปเห็นเส้นผมของเธอค่อยหลุดออกมาทีละเส้น ทีละเส้น และออกมาเป็นกระจุก และทันใดนั้นเธอก็หันมา หน้าเธอเละมาก เลือดเธอเต็มตัวไปหมด เธอยื่นมือออกมาแล้วตะโกนบอกผมอีกครั้ง


“กลับไปคิด กลับไปซะ!”


ผมสะดุ้งตกใจตื่น ที่แท้นี่มันคือความฝัน เป็นฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เหงื่อผมออกท่วมตัวเต็มไปหมด ผมพยายามรวบรวมสติ และมองไปรอบๆ ห้องของก้อยมืดไปหมดเหมือนไม่มีใครอยู่ ทันใดนั้นผมได้กลิ่นเหม็นคาวลอยมาแตะจมูก ใช่แล้วนี่มันเป็นกลิ่นเลือดนั่นเอง ผมมองไปทางซ้ายและขวาก็ไม่พบอะไร จนมารู้สึกผิดสังเกตจากเงาที่คร่อมตัวผมอยู่ ผมหันหลังไปดู สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมเห็นก้อยถูกผูกแขนทั้งสองข้างห้อยลงมาจากราวหน้าต่าง สภาพร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ช่องท้องถูกผ่า จนลำไส้ไหลทะลักออกมาด้านนอก ผมเกือบจะอาเจียน แต่พยายามกลั้นใจมองร่างที่ไร้วิญญาณของก้อยต่อไป ผมเห็นที่บริเวณหน้าอกของเธอมีอักษรสลักอยู่ คงไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่ามัน คือคำว่า “LOOKS”(มองดูสิ)


แล้วผมก็พูดกับตัวเองพร้อมๆกับเอามือกุมที่ศีรษะ


“ซวยแล้วชิดเอ๊ย มึงทำเวรทำกรรมอะไรมาวะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา