Fic naruto ภาค พายุโลหิต

10.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.

  33 ตอน
  12 วิจารณ์
  53.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) บทที่ 6 ความเชื่อใจ ที่เริ่มหวั่นไหว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาคาชิกับซาสึเกะ ที่ออกจากบ้านฮารุโนะ ก็ชักจะกลัวๆซากุระขึ้นมาตะงิดๆ เพราะรู้ว่าจูจุสึ เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เน้นการเอาชนะคู่ต่อสู้ ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ขอยอมแพ้ ก็มีสิทธิ์พิการได้ เพราะศิลปะแบบนี้เน้นเอาชนะ ซึ่งก็คือ ความตายของศัตรู และการขอยอมแพ้

คาคาชิคิดอย่างหวาดๆ...ดีนะที่เจ้าหล่อนไม่ใช้มันในงานนินจา ไม่งั้น ถ้าดวลกันตัวตัว...ต่อให้เป็นนารูโตะ ก็มีสิทธิ์นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน...ยิ่งซาสึเกะที่เป็นนินจาที่มีร่างกายธรรมดา...ไม่อยากจะคิดเลย...

“ผมจะไปช่วยซากุระ”

“หือ? ว่าไงนะ มันคือเรื่องของแคว้นเอโดะ เธอไม่ควรเข้าไปยุ่งจะดีกว่า อีกอย่างสถานการณ์ก็ กำลังวุ่นวาย ถ้าเราเข้าไปยุ่งล่ะก็ มันอาจจะส่งผลเสียต่อโคโนฮะก็ได้”

“แต่ ยัยนั่นอ่อนแอแบบนั้น...”

คาคาชิหรี่ตาพลางคิด...นั่นน่ะรึ อ่อนแอ แมวเก้าชีวิตชัดๆ หัวใจเคยหยุดเต้นไปสามเดือนกลับมาเต้นได้ แถมตบตาปิดตัวตนได้เนียนขนาดนั้น ...

“อยากไปช่วยเค้ารึไง”

“อึก!”

“ซากุระที่เป็นเบนิน่ะ ไม่ได้อ่อนแอ เค้าตัดสินใจอะไรก็เด็ดขาด”

“แต่...ตอนที่เธอจะมาฆ่าผมน่ะ เธอเกิดลังเลน่ะสิ”

“อย่าสำคัญตัวผิดไป ไอ้หนู”

เจ้าของเสียงคือ ทาเคโนะมารุ ทำเอาคาคาชิผงะไปเล็กน้อย ก็นะนั่นน่ะ คือผีบรรพบุรุษของซากุระเชียว

ทาเคโนะมารุยิ้มหยัน”ซากุระน่ะ เค้าเห็นเธอแล้วกลับนึกถึงใครบางคนต่างหาก ไม่เชื่อก็ดู อ้อ บอกไว้ก่อนชั้นแค่อยากให้พวกเธอรู้ไว้ด้วยว่า ตลอดเวลาที่เค้าอยู่กับเธอน่ะ เค้าเล่นละคร เพราะถ้ามีใครรู้เรื่องที่เบนิ มาเป็นนินจาล่ะก็ อาจจะโดนฆ่าแล้วนำไปขึ้นเงินก็ได้”

ภาพที่คือ ซากุระ ตอนอายุ สิบห้า ใบหน้านิ่งเฉย แววตานั้นเป็นประกายงดงามอย่างน่าประหลาด เธออยู่ ในชุดกิโมโนสีดำลายกลีบซากุระ สั้นแบบประยุกต์ ตัดกับโอบิสีขาวโดยสวมเสื้อคลุมสีดำยาวระดับเอว ข้างเอว เหน็บดาบคาตานะสั้นยาวอย่างละเล่ม เธอสวมหมวกสานพลางใบหน้า สวมรองเท้าบู๊ทส้นเข็มสีดำ ดูแล้วสวยสง่า และโดดเด่น ในตอนนี้เธอกำลังยืนกอดอกรอใครบางคนอยู่

“มาช้านะ”

เสียงหนึ่งร้องตอบกลับมา”ก็งานยุ่งนี่หว่า แต่ทำตามแผนของแกแล้ว ค่อยง่ายหน่อยนะ เบนิ”

ร่างบางหันหลังไปหาต้นเสียงพลางยิ้มแย้ม อย่างอ่อนโยน”ถ้าชั้นเปิดเผยตัวต่อศัตรูได้ งานของนายคงจะน้อยลงนะ บันไซ”

เจ้าของนามบันไซ ในตอนนี้เป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง สวมชุดฮากามะสีดำและหมวกฟางพลางใบหน้า ข้างเอวเหน็บดาบคาตานะยาว ใบหน้าที่เคยเหมือนกับเด็กสาว ในยามนี้ เริ่มคมสันตามฉบับชายหนุ่ม ตาสีฟ้าส่องประกายคมกล้า ดูแล้วมีเสน่ห์

“ได้ยินว่า งานนินจาของแกก็มากอยู่นะ ชั้นว่าเราไปหาที่ดีๆคุยกันดีกว่า คุยในป่าแบบนี้ ชักวังเวงพิกล”

“ได้สิ หาสาเกดื่มสักหน่อยถ้าจะดี นายเลี้ยงนะ”

“จ้าๆ ชิ ตำแหน่งสูงกว่า เงินเดือนดีกว่า ทำไมไม่เลี้ยงบ้าง”

“ฮิๆ ชั้นเป็นผู้หญิงนะ”

“คร้าบๆ เชิญคร้าบเจ้าหญิง”เค้าผายมือเชื้อเชิญอย่างล้อเลียน

มันสร้างเสียงหัวเราะของเด็กสาวได้อย่างดี

ภาพต่อมา คือทั้งสองอยู่ในสถานที่ น่าจะเป็นร้านเหล้าอย่างดี ที่มีห้องส่วนตัว แต่เสียงเฮฮาของผู้ที่มากินดื่มที่ห้องยังคงเล็ดรอดออกมา

เด็กหนุ่มยื่นจอกสาเกให้เพื่อนริน ก่อนจะรินสาเกให้อีกฝ่าย แล้วยกขึ้นดื่ม

“ คนที่ชื่อ อุจิวะ ซาสึเกะ กำลังสร้างปัญหานิ เบื้องบนเริ่มจะบ่นๆแล้วนะ ว่าที่หมู่บ้านนินจา มีอาชญากรเจ้าปัญหา พวกเค้ากลัวว่ามันจะกระเทือนถึงแคว้นเรา ได้ยินว่า เธอเคยอยู่ทีมเดียวกับมันนิ ใช่คนที่เธอต้องเล่นละครแกล้งชอบ คลั่งมันไหม”

ร่างบางระเบิดหัวเราะจนตัวงอ

“มีอะไรน่าขำวะ”

“ก็ชั้นขำ ที่พวกผู้ใหญ่ กลัวเจ้าคนที่มีปัญหานั่นน่ะสิ ฮ่าๆ วางใจเถอะ มันก็แค่คนโง่ ที่โดนหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว แถมยังคิดว่า ตัวเองเป็นฝ่ายหลอกใช้เสียอีก หึๆ น่าขำ น่าขำ”

“แกเองก็น่ากลัวนะ เพื่อน”

“แต่ ถ้าเบื้องบนกลัวล่ะก็ ชั้นจะฆ่ามันเอง คนที่เหลือคงคิดไม่ถึงว่าเป็นฝีมือชั้น”

“จะฆ่าได้เหรอ...ได้ยินว่าครั้งก่อนแกบุกไปฆ่ามันตรงๆ ยังจะเกือบตายเลยนะ มีอะไรรึเปล่า”

ดวงหน้าหวานยิ้มร่า“หน่วยข่าวไวดีนะ ตอนนั้นน่ะ ชั้นดันนึกถึงมาโมรุน่ะสิ”

สีหน้าของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แววตาแสดงความห่วงใยหญิงสาว “ยังไม่ลืมเจ้านั่นอีกรึ?”

สีหน้าของซากุระสลดลง เธอถอนใจพลางจิบสาเก “ก็ซาสึเกะ บุคลิกดันไปคล้าย มาโมรุ นิ แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย มาโมรุอ่อนโยน ใจดี แต่ซาสึเกะ เห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเอง แต่บางครั้งก็ทำเพื่อพวกพ้องได้นะ ดูท่าธาตุดีในตัวยังมีอยู่ ถ้านายกลัวว่า ชั้นจะฆ่ามันไม่ได้ ก็ส่งคนไปจัดการแทนสิ ชั้นจะมอบยาพิษที่ร้ายที่สุดให้ รับรอง แผลแค่แมวข่วน ก็ไปโลกหน้าได้  แต่ชั้นสงสาร เค้าแค่รักมากแล้วแค้นมาก และเดินทางผิด”

“หึ ร้ายว่ะ ทำเป็นว่าให้พวกพ้องเห็นว่า เรารักมากจนไม่สามารถฆ่าได้ แต่เป็นคนส่งมอบความตายให้เอง โดยที่ใครก็คิดไม่ถึงเนี่ย ร้ายไปไหม แต่จัดการมันตรงๆไปเลย น่าจะดีกว่า กำจัดตอนนี้ ปัญหาจะได้ไม่เกิด”

“อย่าดูถูกพลังเนตรวงแหวนนะ เราไม่ควรสู้โดยตรง ลอบสังหารน่ะดีที่สุด แต่ ปล่อยมันไปเถอะ เก็บมันไว้กำจัดปัญหาอื่นดีกว่า ถ้าเบื้องบนสั่งมาก็จัดการไปตามเรื่อง”

“อืม ถ้าเบื้องบนสั่งมา ชั้นจะบอกเธอเอง”

“ดี ฝากบอกเบื้องบนว่า เจ้านั่นน่ะ ไม่เป็นอันตรายหรอก อย่าระแวงไป”

“หึ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เรากำจัด ท่อน้ำเลี้ยงของมันไปเยอะแล้วนะ ถ้ามันจนตรอกจะเล่นงานเราขึ้นมา จะทำไงดี”

“นายกลัวรึ”

“เปล่า แค่ไม่อยากประมาท อย่างที่รู้ ถ้าหมามันจนตรอก ก็สู้ยิบตา”

“มันคงไม่บุ่มบ่ามทำอะไรหรอก แต่คงจะซุ่มวางแผนจัดการเรามันคงจะหาจังหวะ จัดการพวกเราสี่คนแน่ โดยเฉพาะชั้น แต่ตอนนี้ก็วางใจได้ ตราบใดที่มันยังไม่รู้ว่าชั้นยังอยู่หรือตาย พวกนายก็สบายใจได้”

“ทำไมล่ะ”

“ชั้นรู้ทันความคิดมัน มันเองคงจะรู้ตัวว่า มีขุนนางคนอื่นที่คิดต่อต้านมันนะ แต่ไม่กล้าเผยตัว จะมีก็มีแต่พวกเราเนี่ยแหละที่กล้า หากมันจะฆ่าพวกเราน่ะ ถ้าฆ่าแบบลับๆพวกมันโดนประณาม และนายเหนือตัวก็จะหาเรื่องจัดการมันแน่ แต่ถ้าใช้ช่วงที่นายเหนือหัวไม่อยู่ แล้วใส่ร้ายว่าพวกเราเป็นกบฏ  แล้วจับพวกเราประหาร แล้วนำหัวมาเสียบประจาน ในที่สาธารณชน พวกขุนนางที่คิดต่อต้าน ก็จะกลัวไม่กล้าหือ ประชาชนที่ลุกต่อต้านก็จะโดนฆ่าตายเป็นเบือแน่ แคว้นเอโดะอาจจะล่มสลาย ห้าแคว้นนินจา บุกยึดแคว้นเอโดะได้ ถ้าเป็นหมู่บ้านโคโนฮะ กับซึนะ ไม่ยุ่งกับแคว้นเอโดะแน่ แต่อีกสามแคว้นที่เหลือน่ะ มันไม่ปล่อยโอกาสไว้หรอก ตราบใดที่มันยังไม่แน่ใจเรื่องของชั้น นายก็สบายใจได้”

“เฮ้ย ร้ายแรงแบบนี้ จะทำไงดีล่ะ”

ร่างบางจิบสาเก “หึ มันคงไม่ทันทีทันใดหรอก อย่าตื่นตูมไป ในตอนนี้ นายควรจะระวังตัว อย่าประมาท แต่อย่าระวังจนเกินไป เดี๋ยวมันเปลี่ยนแผน ชั้นขี้เกียจ คิดแผนแก้เกม มันชักจะเริ่มคิดแล้วว่า ชั้นยังอยู่ เราคงจะต้องงดเจอกันสักพักนะ”

“แล้วติดต่อทางจดหมาย หรือ โทรศัพท์ล่ะ”

“จดหมายจะดีกว่า ถ้าเป็นโทรศัพท์อาจโดนดักฟังได้ ถ้ามันรู้จุดพิกัดที่ชั้นอยู่ ชั้นโดนเจี๋ยนแน่ นายก็อย่าส่งจดหมายมาบ่อยๆด้วย ไอ้พวกที่ปรึกษาโคโนฮะเอง ก็เริ่มระแวงชั้นเหมือนกัน ชั้นอาจโดนเล่นได้ ถึงเจ้าคนที่ชื่อดันโซจะตายไปแล้วก็เถอะ”

“ยุ่งยากว่ะ แกอยู่ทางนี้ ก็เดือดร้อนเหมือนกันแฮะ ”

“ทำไงได้ ที่ทุกที่ มันก็มี คนชอบระแวงคนนี่นา เอาเถอะ เมื่อถึงตอนเข้าตาจน ชั้นจะวางแผนอีกที ในตอนนี้ เรามาดื่มกันสบายๆลืมเรื่องงานกันเถอะ แต่เสียดายที่ริวโอ กับ เรม ไม่อยู่ดื่มด้วยนะ คงสนุกกว่านี้”

และแล้วภาพทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม

ซาสึเกะนั้นรู้สึกเจ็บแปล๊บๆในอก เค้ากำลังสำคัญตัวผิดว่า สำคัญกับเธอ

คาคาชิ มองลูกศิษย์ที่หน้าจ๋อยๆ ...สมน้ำหน้า ทำกับเค้าไว้เยอะ เจอโดนด่าแบบนี้ จ๋อยเลยสิ...

ทาเคโนะมารุเหยียดยิ้ม “เธอทำตัวเฉยๆ อย่าไปขัดแข้งขัดขาเค้าเลยนะ เธอคิดว่าตัวเองดีเลิศเล่อมากนักรึไง”

คาคาชิมองวิญญาณบรรพบุรุษที่ทำตัวประหนึ่งคุณพ่อห่วงลูกสาว  ที่กำลัง เชือดลูกเขย? ด้วยวาจา

“ผมจะพยายาม ผมไม่เชื่อหรอกว่า เธอน่ะจะหลอกผม “

วิญญาณหนุ่มมีสีหน้าเย็นชา“ไม่อยากบอกให้ปวดใจ แต่มันช่วยให้แกหายโง่นะ ไอ้หนู เด็กคนนั้นเค้าแค่เห็นแกเป็นตัวแทนคนที่ เค้าไม่อยากฆ่า ชั้นบอกแค่นี้”ว่าจบวิญญาณบรรพบุรุษหน้าเด็กก็หายไป

คาคาชินึกอยากจะสมน้ำหน้าแต่

“หึ สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ ทำกับเธอเอาไว้เยอะ”ซาสึเกะเอ่ยเสียงเคร่งแฝงความไว้ด้วยความเจ็บปวด

คาคาชิพ่นลมหายใจ ก็ตัดสินใจที่จะบอกเรื่องบางอย่างที่จะบอกซาสึเกะ แต่ยังไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยอะไร

ลูกศิษย์ของตนก็เอ่ยขึ้น”ผมจะไปช่วยเธอ”

คาคาชิถอนใจ “จะไปก็ได้ แต่ชั้นจะส่งหน่วยย่อยไปกับเธอด้วย”

“ไม่ต้อง!”

“แค่สองคน ไว้ใจได้”

ซาสึเกะจำต้องยอม

...

อิโนะ กับ ซาอิ ถูกเรียกมารับภารกิจลับ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนทั้งคู่เป็นอย่างมาก สำหรับอิโนะเธออยากจะปฏิเสธงานนี้  เพราะเธอต้องทำงานในส่วนของซากุระนี่สิ

“ภารกิจที่ชั้นจะมอบให้ มันเป็นความลับสำคัญนะ ขอก่อนอื่น ชั้นขอถามอะไรหน่อยสิ ซาอิ”

“ครับ”

“เธอเคย เก็บข้อมูลสมาชิกทีมเจ็ด ส่งไปให้ดันโซ บ้างรึเปล่า”

ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย“ท่านรุ่นหก ท่านก็น่าจะรู้ว่าผมไม่สามารถพูด เกี่ยวกับเรื่องนั้นได้”

คาคาชิพยักหน้า พอจะเข้าใจความนัยของซาอิแล้ว คงจะเป็นดันโซนี่เอง ที่ลอบส่งข้อมูลเกี่ยวกับเบนิไป โดยนำข้อมูลที่ได้จากซาอิ และไม่แน่ ดันโซอาจจะร่วมมือกับขุนนางที่คิดจะก่อกบฏนั่น 

แต่ดันมาตายเสียก่อน ทำให้เรื่องเงียบไป ระยะหนึ่ง จากนั้นก็เกิดสงครามนินจาขึ้นอีกครั้ง และฝ่ายนั้นสบโอกาส แต่ไม่แน่ใจว่า เบนิหรือซากุระยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า เลยต้องใช้วิธีออกประกาศจับโดยตั้งเงินค่าหัวเอาไว้สูง สำหรับซาอิ ที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่ซากุระจะบุกไปฆ่าซาสึเกะ ไว้ว่าพูดเรื่องราวเกี่ยวกับดันโซไม่ได้ เพราะโดนลงอักขระไว้ที่ลิ้น ถ้าหากพูดตัวก็จะชาไม่สามารถขยับได้

คาคาชิหลุดจากภวังค์ เมื่ออิโนะเรียกสติ “หนูขอไม่ทำภารกิจได้ไหมคะ”

“ทำไมล่ะ”

“งานที่โรงพยาบาลมีอีกเยอะ แถมหนูต้องทำในส่วนของซากุระอีก”

“ถ้าไม่ทำภารกิจนี้ เธอต้องทำงานโรงพยาบาลแทนซากุระตลอดไปแน่”

“หมายความว่า...”

คาคาชินำใบประกาศจับยื่นให้ ซาอิรับมาดูกับอิโนะ ทำเอาคนทั้งคู่ตาโต

คาคาชิสรุปง่ายๆ “อ่า...ซากุระเป็นซามูไร คนที่หน้าเหมือนฝาแฝดนี่คือญาติของเธอ  ก่อนดันโซจะตาย เค้าได้ส่งข้อมูลเรื่องที่ซากุระคือคนในประกาศจับนี่ เลยทำให้แคว้นเอโดะประกาศจับเค้า ภารกิจของพวกเธอสองคนมีหน้าที่ช่วยซากุระให้กลับมาที่โคโนฮะอย่างปลอดภัย ชั้นจะให้ซาสึเกะไปด้วย อิโนะ เธอเตรียมยาไปเยอะๆหน่อย เพราะมีคนที่บาดเจ็บตามไปด้วย เราต้องอาศัยเค้านำทาง อีกหนึ่งชั่วโมงไปเจอหน้าหมู่บ้าน”

“ครับ/ค่ะ”

ทั้งคู่รีบกลับไปเตรียมของและมาที่หน้าหมู่บ้าน ซึ่งซาสึเกะ ชายอีกคนที่มีใบหน้าซีดเซียวและปั๊กคุง สุนัขนินจาหน้าย่น

“ช้าจังเลย โฮ่ง”

อิโนะหน้าหงิกแล้วแว้ดใส่”ก็มัวแต่ยาย่ะ”

ซามุยที่ขอออกจากโรง’บาล รีบขอโทษทันที”ต้องขอโทษที่ปัญหาขอรับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณชื่อ”

ชายหนุ่มโค้งเคารพเล็กน้อย”ผมชื่อ ซามุย ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”

“ชั้นยามานากะ อิโนะ”

“ผมชื่อซาอิ”

“แนะนำตัวเสร็จรึยัง”ซาสึเกะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด

ทำเอาอิโนะ ทำตัวไม่ถูก

ซาสึเกะเอ่ยขึ้น”เอโดะไปทางไหน”

ซามุยหลับตานึกอยู่ครู่ แต่ปั๊กคุงก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “ทำไมไม่ตามกลิ่นไปล่ะ สองวันที่ผ่านมา ฝนก็ยังไม่ตกนะ”

ซามูไรหนุ่ม ยิ้มน้อยๆ“ขอบใจที่หาทางออกนะหมาน้อย แต่ผมเชื่อว่า ท่านเบนิคงไม่ทิ้งร่องรอยให้ใครเห็นได้ง่ายๆหรอกนะ”

“ไอ้นี่ ดูถูกกันนี่หว่า”

“ผมเปล่าดูถูกขอรับ แต่ผมเคยตามท่านบันไซ มาที่แคว้นนี้ แต่ไม่มาที่หมู่บ้านนี้ เพราะท่านบันไซจะสั่งให้ผมรอที่เขตของแคว้นขอรับ”

อิโนะเลิกคิ้ว “ใครคือเบนิ ใครคือบันไซคะ”

ซาสึเกะเป็นคนตอบเอง เบนิคือสมญานามของซากุระ ส่วนบันไซคือสมญานามของ ลูกพี่ลูกน้องของซากุระ แล้วจากแคว้นฮิโนะคุนิ ไปที่เอโดะ ไปทิศไหนล่ะ”

“ทิศเหนือขอรับ มีสองทางคือ นั่งรถไฟ เจ็ดชั่วโมง อีกทางคือ สี่ชั่วโมง แต่...”

“แต่อะไร”อุจิวะหนุ่มเอ่ยถามเสียงเคร่ง

“เราไต่ไปตามสันผา ของภูเขานิทรา อันตรายมาก เพราะเราอาจจะเสี่ยงโดน ต้นนิทราที่สามารถปล่อยละอองที่ทำให้หลับแบบลืมตายได้น่ะครับ”

“แล้วบันไซ เค้าจะใช้ทางไหนมาที่นี่ล่ะ”

“อย่างหลังครับ...”

“งั้นไปทางนั้น”

อิโนะต้องห้าม”แต่ร่างกายคุณซามุย เดินทางแบบสมบุกสมบันไม่ได้นะซาสึเกะคุง”

“อยากให้ซากุระ โดนตัดคอก่อนรึไง”

ซาอิขมวดคิ้ว “ผมรู้ว่าคุณห่วงคุณซากุระนะครับ แต่การทีรีบมากเกินไป การณ์ใหญ่จะเสียได้ คำพูดนี้ คุณซากุระเป็นคนสอนผมเอง” เค้าจำได้มีครั้งหนึ่ง นารุโตะกำลังรีบที่จะไปทำภารกิจช่วยฮินาตะ ดีที่ซากุระห้าม ระงับไม่ให้นารูโตะ ผลีผามไปติดกับศัตรู

“ผมไปได้ขอรับ ตอนนี้ ร่างกายผมแค่อ่อนเพลียก็เท่านั้น ผมไหว”

ซาอิกับอิโนะเถียงไม่ออก นินจาจากหน่วยรากก็ใช้วิชานินจาภาพอสูรสัตว์เทียม วาดนกขนาดใหญ่ออกมาสี่ตัว

โดยที่ซาสึเกะกับปั๊กคุงและซาอิไปที่นกคนละตัว ส่วนอิโนะไปกับซามุยเพื่อช่วยดูแลอาการของซามูไรหนุ่ม

ระหว่างทาง ซาสึเกะก็อธิบายเรื่องของซากุระที่เคยได้รับบาดเจ็บจากการทำหน้าเป็นองครักษ์แห่งแคว้นเอโดะ และได้กลายมาเป็นคนทำหน้าที่ เสนาธิการอยู่เบื้องหลัง และโดนใส่ร้าย ถูกลงประกาศจับ

ทำเอาอิโนะตะลึงพูดไม่ออก แต่ก็เชื่อเพราะซากุระนั้น จริงๆเป็นคนรักสันโดษ หลังจากว่างจากงานโรงพยาบาล พอคุยกันพอหายคิดถึงเจ้าหล่อนก็จะหายไปตามตัวไม่ได้ ต้องโทรหา หากไปเที่ยวกัน นานๆครั้งเจ้าหล่อนที่จะตอบรับไปเที่ยวด้วย

การเดินทางด้วยภาพอสูรสัตว์เทียมของซาอินับว่าสะดวกขึ้น  เมื่อผ่านภูเขานิทรามาแล้ว ก็พบแต่ทุ่งร้างที่เต็มไปด้วยหมอกควัน

“ได้กลิ่นแม่หนูหัวชมพูแฮะ”

“ไหน”

เจ้าหมาหน้าย่นกระโดดลงจากนกเทียม ตามกลิ่นสาวผมชมพู คนที่เหลือตามไปติดๆ โดยที่อิโนะต้องคอยพยุงซามุยตามไปอย่างทุลักทุเล

พอเดินตามปั๊กคุงมาได้ครึ่งชั่วโมง ก็พบกับ...ร้านขายของเก่า ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว โดยปราศจากสิ่งก่อสร้างอื่น

ซามุยเบิกตากว้าง”นั่นมัน ร้านของยายคาเอเดะ นี่ครับ”

ซาอิหันมาถาม”รู้จักด้วยรึ”

“ครับ ท่านบันไซชอบมาที่นี่ เพราะที่นี่เป็น ร้านจำหน่ายอาวุธและข่าว แต่จะได้รึไม่ก็ขึ้นอยู่กับเงินนะครับ”

อุจิวะหนุ่มคิด...คล้ายกับร้านย่าแมวแฮะ...

อิโนะเริ่มออกความเห็น “ซากุระอาจจะมาที่นี่ก่อนก็ได้”

“มันก็จริง ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะมาที่นี่ เมื่อสองวันก่อน และกลิ่นมันสิ้นสุดที่ร้านนั่นแหละ”ปั๊กคุงออกความเห็น

ซาสึเกะรีบวิ่งไปที่ร้านทันที คนที่เหลือจำต้องวิ่งตาม

“ใคร”

หญิงชราท่าทางเป็นเจ้าของร้านเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ

ซามุยรีบโค้งเคารพ”ยายคาเอเดะครับ”

“หือ?ซามุย รึ ลมอะไรหอบมาถึงนี่ล่ะ”

“คือ เราอยากจะรู้ว่าท่านเบนิได้มาที่นี่รึเปล่า ขอรับ”

“มาสิ และไปแล้วด้วย”

“รู้จุดหมายของเค้าไหม”ซาสึเกะเป็นฝ่ายถาม

“ไม่รู้ อีเด็กผีนั่นมันเดาใจไม่ได้เลย ชั้นบอกได้แค่ว่ามันแค่มาเปลี่ยนชุดกับเอาอาวุธก็เท่านั้น จะว่าไปเค้าก็พูดอยู่แต่...จำไม่ได้น่ะ”หญิงชราก็แบมือ

ซาสึเกะนำเงินจำนวนหนึ่งใส่มือ...ยัยแก่งกเอ้ย!...

“โอ้ ดูเหมือนว่าเค้าจะไปที่ คุกกลางทะเล...”

“ซาโกมะ!”ซามุยเอ่ยขึ้น

ซาอิขมวดคิ้ว”รู้จักเหรอครับ”

ซามูไรหนุ่มพยักหน้า ใบหน้าคมคายที่ซีดแล้วก็ซีดอีก”นั่นคือ คุกกลางทะเล ถือเป็นนรกบนดินชัดๆ”

อิโนะร้องถาม”อันตรายมากเลยเหรอ”

ยายคาเอเดะเป็นฝ่ายตอบเสียเอง “หึหึ คุกที่อยู่กลางทะเลที่รายล้อมไปด้วยฉลามและมีโขดหินเป็นปราการ สภาพอากาศที่เรียกว่าหนาวสุดขั้วตอนกลางคืน กลางวันร้อนตับแตก ยิ่งกว่าเตาอบ ถึงเก่งแค่ไหนก็หนีไม่ได้ มีนักโทษหลายคนที่พยายามที่จะหนี ก็ไม่พ้นเป็นเหยื่อฉลาม ชั้นเองก็ไม่แน่ใจนะว่าเบนิจะไป ช่วยไอ้สามบ้าที่นั่นได้ไหม ชั้นเองก็ยังไม่รู้ ว่าจะรอดรึเปล่า แต่เบนิ กลับทำหน้าเฉยๆตอนที่ชั้นบอกมันว่าไอ้สามบ้าถูกจับไปที่ไหน”

“เธอเดินทางไป ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อวานก่อน”หญิงชรารับเงินจากซาสึเกะมา

ซาอิเอ่ยขึ้น”อย่างนี้เราอาจจะตามทันก็ได้นะครับ”

“จะตามเค้าไปทำไม ตามไปขัดแข้งขาเค้ารึ?”

สี่ผู้มาใหม่งุนงง

“เบนิน่ะ ชั้นรู้จักมันตั้งแต่รุ่นพ่อมันแล้ว มันไม่เหมือนพ่อ ที่ชอบใช้กำลังแต่ เบนิ เป็นคนเดาเหตุการณ์ไว้ล่วงหน้าเสมอ  แต่บทจะโหดล่ะก็ มันได้พ่อมาเต็มๆเลยนะ พวกเธออาจจะไปทำแผนเค้าพังก็ได้ ”

“ไม่สน ถึงยังไง ผมก็จะไปช่วยเธอ”

อิโนะซาอิ ตะลึง คนที่พูดนั้นคือซาสึเกะ น้ำเสียงนั้นแฝงความอ่อนโยนแลห่วงใยอีกฝ่ายมาก

สำหรับซาสึเกะแล้ว การที่เค้าได้เห็นภาพที่เธออยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนั้น มันทำให้เค้ารู้สึกเจ็บที่ใจ เธอยอมทำงานแบบถวายชีวิต นั่นไม่ได้ ทำเพื่อคนที่เรียกว่า นาย แต่เธอทำเพื่อ สิ่งที่เรียกว่าสันติภาพ

“หึๆ ดูถูกขงเบ้งแห่งเอโดะ เกินไปแล้วนะ พวกเธอมาที่นี่เนี่ย ทำให้ชั้นเดือดร้อนไปด้วยเลย”

‘ฉึก!’

ซามุยชักดาบออกมาแทง ผู้ร้ายที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะยันร่างนั้นให้หงายโครม

หญิงชราชักดาบที่ซ่อนในไม้เท้าออกมาระวัง “ไอ้พวก นาราคุ”

ประตูร้านก็ปรากฏร่างชายชุดดำที่มีไม้เท้า มีหมวกฟางพลางใบหน้า สามสี่คน

ซาสึเกะจำได้ พวกนั้นคือพวกเดียวกับกลุ่มคนที่ปาระเบิดมือ ทำให้ซากุระกระดูกสันหลังหัก อุจิวะหนุ่มชักดาบออกมา

ซาอิชักดาบสั้นออกมา ก่อนจะเดินมาบังหน้าอิโนะและซามุย...คนพวกนี้คือนักฆ่า สินะ เร็วมาก เราจับสัมผัส เสียงฝีเท้าไม่ได้เลย...”ท่าจะอันตรายแฮะ”

กลุ่มชายชุดดำ กลับถอยออก มีชายคนหนึ่งในชุดขาวเดินออกมา เค้ามีผมสีเงิน ใบหน้าหล่อเหลานั้น มีแผลเป็น ที่เป็นรอยบาก จากการโดนดาบฟัน

“คุณหนูผมทอง มากับเราซะดีๆ”

อิโนะสะดุ้งโหยง ถึงอีกฝ่ายจะหล่อเหลาแต่ แววตานั้น ทำให้เธอขนลุกเพราะมันสื่อถึงจิตสังหาร

“ทำไม”

“ชั้นต้องการให้เธอ มาเป็นเหยื่อล่อ นังจิ้งจอกนั่น”

อิโนะร้องถาม”หมายถึงซากุระเหรอ?”

ชายผมเงินพยักหน้า

คาเอเดะหัวเราะร่วน”หึๆ นึกไม่ถึงนะว่า พวกนั้นจะส่งหัวหน้านักฆ่าอย่างเจ้ามานะ ชินจูโร่”

“ข้าต้องการจัดการคนที่บังอาจฝากแผลไว้บนหน้าข้า ก็เท่านั้น นางคือเหยื่อชั้นดี”

“ความจริงเจ้าไม่ต้องมาที่นี่ก็ได้ เบนิคงจะไปที่ซาโกมะแล้วนะ ไปดักมันทางนั้นน่าจะดีกว่านะ”

“นายของข้า ต้องการเห็นหัวของมัน และข้ารู้มาว่า มันยังไม่ไปไหน มันยังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”

ซาสึเกะกระชับดาบในมือแล้วพุ่งมาหมายจะฟันร่างนั้น

‘จึ้ก!จึ้ก!จึ้ก!’

เข็มเล่มยาวสามเล่ม แทงเข้าที่ไหล่และอกของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง

“ซาสึเกะคุง/คุณซาสึเกะ/คุณซาสึเกะ”

ซาสึเกะรู้สึกว่าตัวชา ไม่สามารถขยับได้...อะไรกัน แม้แต่จะพูด ก็ไม่ได้เหรอ...

อิโนะรีบดึงเข็มยาวออก”เข็มนี่อาบยา”

“หึๆเป็นการโจมตีที่โง่เขลานัก แต่วางใจได้นั่นแค่ยาชาชนิดรุนแรงก็เท่านั้น”ชินจูโร่ยิ้มเยาะ “ได้ยินว่า เจ้าคือ อดีตอาชญากรนินจา นึกว่าจะน่ากลัว ที่ไหนได้ กระจอกสิ้นดี”

ซาสึเกะกัดฟันกรอด

ซาอิรีบใช้คาถา งู ภาพอสูรสัตว์เทียม เข้าจัดการ

แต่ชินจูโร่กลับใช้ดาบฟันขาดสะบั่น ด้วยความเร็วที่มองไม่ทัน

“ลอบกัดเก่งดีนะ ชั้นจัดการฆ่านินจามาก็มาก”ชินจูโร่ชักดาบที่ซ่อนออกมา”และพวกแกคือหนึ่งในนั้น...

อิโนะตัวสั่น ชายตรงหน้าช่างน่ากลัวเสียจริงๆ ซามุยถือดาบเดินมาขวางหน้า

“คนเจ็บอย่าสะเออะ”

“ผมไม่ยอมหรอก ถึงจะต้องตายแต่จะไม่ยอมให้แกแตะต้องสหายของท่านเบนิแน่!!”

ซาสึเกะรีบใช้คาถาลวงตาเข้าจัดการ

‘เนตรวงแหวน’

นักฆ่าหนุ่มตัวชา เมื่อภาพน่ากลัวเข้าปรากฏในสายตา เค้ารีบใช้ดาบกรีดแขนตัวเอง ก่อนจะหันมาฟาดฟันกลุ่มคนตรงหน้า เช่นเดียวกับเหล่าลูกสมุน

สามนินจาหนึ่งซามูไร ต้องจับอาวุธเข้าฟาดฟัน กลุ่มนักฆ่าที่กรูเข้ามาในร้าน ส่วนหญิงชราได้วิ่งหลบไปแล้ว

ซาสึเกะในตอนนี้ขยับตัวก็ยากมากเพราะฤทธิ์ยาชา จะใช้คาถาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ร่างกายในตอนนี้กีดเร้นจักระก็ยากเต็มที

สำหรับ ซาอิเองต้องมาปะมือกับนักดาบในระยะประชิดก็ทำเอาเค้าหนักมือมาก ไหนจะต้องคอยหลบเข็มอาบยาที่ศัตรูปามาอีก หากเค้าโดนเข้าไปด้วยอีกคน ได้โดนฆ่าแน่

อิโนะนั้นไม่เก่งการต่อสู้ระยะประชิดแบบนี้ เธอไม่สามารถใช้คาถานินจาได้เลย แต่ยังดีที่ซามุยช่วยป้องกันให้ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็ดูอ่อนล้ามาก ดูจากร่างกายที่สั่นสะท้านและ สีหน้าที่เหนื่อยอ่อน

ซาสึเกะเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังแย่ จึงตัดสินใจกีดเร้นจักระอีกครั้ง

‘เทวีสุริยา’

เพลิงสีดำได้เผาเข้าที่แขนของนักฆ่าคนหนึ่งเข้า

“อ๊ากกกก”

ชินจูโร่กัดฟันกรอด “ถอย!!”

กลุ่มนักฆ่าชุดดำรีบล่าถอยไปทันที

เมื่อกลุ่มนักฆ่าจากไป พร้อมๆกับร่างที่โดนเปลวเพลิงสีดำแผดเผา เหลือแต่ซาก

ไม่นาน คาเอเดะก็ออกมาจากที่ซ่อน”ไปแล้วนะ ไอ้หนุ่มเป็นไงบ้าง”หญิงชราเข้ามาดูอาการซาสึเกะ ที่ดูเหมือนจะแย่กว่าใคร เธอจับมือขวามาตรวจอาการ

“ยาชานี่ รากไม้จากธิเบต โหดจริงๆ”

อิโนะเบิกตากว้าง “อะไรนะคะ”

“ฟังไม่ผิดหรอก พวกนั้นไม่กะเอาถึงตาย แต่พิษนี่ ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาต ดีนะ ที่ดึงเข็มเร็วน่ะ ไม่งั้น จองศาลาได้เลย”

ซามุยเข้ามาถาม”พอมียาแก้ไหมครับ”

“มี พอเหลือจากตอนที่รักษาเจ้าบันไซอยู่นะ”

ซาอิจัดการพยุงซาสึเกะที่กำลังจะล้ม อิโนะเข้าไปดูอาการของซามุย ที่ดูเหมือนว่าจะแย่ลงเพราะแผลเปิด

ไม่นานคาเอเดะก็นำถุงใส่ยาพร้อมกับน้ำออกมา

“กินซะ แค่สองเม็ดก็พอ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”

ซาสึเกะรับยาและน้ำจากหญิงชรามา ก่อนลงมือกินยา

ซาอิหันมถาม”ยานั่นคือ...”

“ยาสลายพิษ เป็นยาที่ทางการแพทย์ของเอโดะคิดขึ้นมา เห็นว่าเบนิเองก็ช่วยคิดค้นนะ ไม่รู้มันไปเรียนแพทย์ที่ไหน มันจะเก่งเกินไปแล้วนะ อีเด็กผีนี่”

อิโนะทำได้แต่ส่ายหน้าขณะที่ใช้คาถาแพทย์รักษาซามุย...ขนาดไปอยู่ที่เอโดะ ยังช่วยเค้าคิดค้นยาเลยนะ ยัยโหนกเอ้ย! ว่าแต่หล่อนเอาเวลาไหนไปทำกันยะ...นับตั้งแต่ซากุระเป็นนินจาแพทย์ตั้งแต่อายุสิบสอง เธอก็ชอบทดลองปรุงยาออกมาหลายแบบ จนยาบางตัวถูกนำมาใช้จริงในปัจจุบัน

ซาสึเกะรู้สึกว่า ร่างกายสามารถขยับได้ ประสิทธิภาพยานั้นดีจริงๆแค่ห้านาที

“โอ้ ยังอยู่แฮะ”ปั๊กคุงที่ใครๆไม่สนใจ ก็โผล่มา ในปากก็คาบกระบอกไม้ไผ่

ซาอิรับกระบอกปริศนามา”ปั๊กคุงหายไปไหนมาล่ะเนี่ย”

“คือ...มีฝากไอ้นี่มาให้น่ะ”

ซาอิเปิดกระบอกไม้ไผ่ออกมา ก็พบว่าเป็นม้วนสาร สองฉบับ ซาอิจึงเริ่มอ่านฉบับแรกให้ทุกคนได้ยินกันทั่ว

“ฮ่ะๆ ชั้นรู้ว่าพวกนายต้องตามชั้นมา และไม่ยอมหยุดแน่”

“เดี๋ยวๆ ซาอิ นายไม่ต้องอ่านทุกตัวอักษรหรอกนะ ฟังแล้วดูแปลกๆ”

“ผมก็ไม่ได้อยากอ่านแบบนี้นะครับ แต่...”

ซาอินำจดหมายให้อิโนะดู ปรากฏว่า ’ไอ้จดหมายฉบับนี้ อ่านออกเสียงนะ ดังๆเลยยิ่งดีอีกฉบับ อ่านเงียบๆไม่ต้องไปเผยให้คนอื่นรู้ ถ้าไม่ทำ แม่จะฟันยับแน่!!’

“มีการทิ้งทายแบบโหดๆแฮะ”แต่ลายมือนี่ ชัดเลย ยัยโหนก

“ต่อนะครับ”

คนที่เหลือพยักหน้า

“ในตอนนี้ ชั้นได้เดินทางไปจัดการทำตามแผนแล้ว ชั้นได้แบ่งร่างแยกเอาไว้เฝ้าดูที่นี่ แล้วก็จัดการวางแผนใหม่ ดูเหมือนว่าแผนจะต้องเปลี่ยนนะ เพราะมีตัวหมากที่คาดไม่ถึงมาด้วยนะจ๊ะ นึกว่าอาจารย์คาคาชิจะส่งเจ้าบ้านารูโตะมานะเนี่ย ชั้นเลยต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันนะ ”

ซาสึเกะสะอึก...นี่เธอไม่คิดถึงชั้นเลยรึไง...

อิโนะรู้สึกสะใจ ที่ซาสึเกะจ๋อยแบบนี้...สมน้ำหน้า...

ซาอินำจดหมายอีกฉบับมาอ่านดู ก่อนจะส่งให้ซาสึเกะ

อุจิวะหนุ่มรับมาอ่านเนื้อความนั้น...’ ชั้นขอสั่ง นาย อุจิวะ ซาสึเกะ ไปหาอาเจ๊โรสนะจ๊ะ  ที่ร้านสวรรค์ระทม เจ้าซามุยคงจะรู้นะ ชั้นบอกอาเจ๊แล้ว จากนั้นเค้าจะเอาสารที่ชั้นฝากไว้ให้นาย นายจงเอามันไปให้ นายเหนือหัวของชั้น อาเจ๊โรสจะบอกทางให้ ถ้าไปช้าพวกชั้นแย่ล่ะก็ จะขึ้นจากหลุมศพมาหลอกนายเลย คอยดู!!! ชั้นเชื่อใจนายนะ ซาสึเกะ ส่วนคนที่เหลือ จะไปรอที่ชายทะเลทางไปซาโกมะหรือกลับโคโนฮะไปก็ได้นะ สถานการณ์ในตอนนี้มันเสี่ยงเกินไป เวลาก็เหลือไม่มากแล้ว แค่นี้ล่ะ ชั้นมีงานอีกมากที่ต้องทำ’

เนื้อความนั้น ไม่มีเยื่อใยของเธอต่อเค้าเลย นี่หรือคือกรรมที่ทำกับเธอเอาไว้เยอะ? ซาสึเกะคอตก หรือว่า สิ่งที่บรรพบุรุษของซากุระพูดไว้จะเป็นจริงกัน เธอแค่เห็นเค้าเป็นเพียงตัวแทนของคนที่เธอไม่อยากฆ่า ชื่อ มาโมรุ รึเปล่านะ ทำไมเธอต้องลงมือฆ่าด้วยล่ะ ?

...

“อ่า...เรียบร้อยแล้วแฮะ ที่เหลือเราคงต้องรีบดำเนินการแล้ว”

“ไว้ใจเค้ารึ”

เด็กสาวผมสีชมพู ที่ตอนนี้ได้ตัดผมสั้นละต้นคอราวกับเด็กหนุ่ม ผมหน้าม้าถูกดึงมาปิดหน้าผาก มันช่วยปกปิดสัญลักษณ์เบียคุโกไว้  ร่างบอบบางในชุดกิโมโนแขนกุด กระโปรงสั้นสีดำลายกลีบซากุระ  สวมถุงมือยาว และสวมถุงยาวเลยเข่าและสวมรองเท้าบู๊ทส้นเข็ม ทุกอย่างเป็นสีดำ เธอสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ ตาสีมรกตยังคงมองร้านขายข่าวและอาวุธ ของยายคาเอเดะ เธอยิ้มบางๆ”ค่ะ ชั้นเชื่อใจเค้าค่ะ ท่านทาเคโนะมารุ”

เจ้าของนามยิ้มละไม พลางมองร่างบอบบางของเหลนสาวอย่างรักใคร่

“ขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปทำตามแผนก่อน”

“ชั้นช่วยไหม?”ร่างสูงเข้าโอบไหล่

“คุณช่วยให้เค้า ทำตามที่ชั้นสั่งก็ดีนะคะ แต่ซาสึเกะเค้าว่าง่ายกว่าเจ้าบ้านารูโตะเยอะ”

“แล้วถ้า...เค้าไม่ทำตามที่เธอบอกล่ะจะทำยังไง”

ซากุระยิ้มหวาน”อย่ากังวลไปเลยค่ะ หนูเชื่อใจเค้ามากนะ มันก็เหมือนกับว่าหนูกำลังเล่นพนันโดยใช้ชีวิตของหนูและเพื่อนของหนูมาเดิมพัน หนูเชื่อใจซาสึเกะ เค้าต้องนำหลักฐานพวกนั้นไปมอบให้นายเหนือหัวแล้วมาช่วยพวกเราได้ทันเวลาแน่”

“ชั้นจะช่วยด้วย ความจริงถ้าชั้นยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะช่วยเธอแล้ว”

“แค่นี้ ท่านก็กรุณามากแล้วค่ะ ขอตัวก่อน”จบคำร่างของเด็กสาวก็หายไป

ทาเคโนะมารุยิ้มร่า“ใช้ร่างแยกเหรอเนี่ย ร้ายจริงๆขนาดผีอย่างเราจับไม่ได้ ไม่ธรรมดาๆ

อีกด้าน

ร่างบางผมสีชมพู ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยงที่ดูหรูหราแต่บรรยากาศช่างเงียบเหงา เธอค่อยๆลืมตาพลางยิ้มให้กับ(กระเทย)สาวร่างยักษ์ในชุดกิโมโน สีชมพูหวาน

“คิดแผนไว้รึยังเบนิจัง”

“ได้แล้วค่ะ อาเจ้ ช่วยหนูด้วยนะ อย่าเผลอไปกินหมอนั้นล่ะ เดี๋ยวโดนย่างสด”

“ต๊าย..หล่อนเห็นเจ๊เป็นคนยังไง  ว่าแต่คนที่มารับเอกสารเนี่ยหน้าตาเป็นยังไง”

“มีแขนเดียว นัยน์ตาสองสี ตัวสูง น่าจะสูงกว่าบันไซหน่อยๆ ผมดำผิวขาว ค่ะ”

สาวใหญ่พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม เมื่ออีกฝ่ายถือดาบและสวมผ้าคลุมเตรียมจะออกจากห้องไป “ แล้วนี่เราจะไปไหนอีกไหม พักที่นี่ก่อนก็ได้นะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ งานนี้จำเป็นต้องรวบรวมคนในหน่วยที่เคยทำงานกับชั้นและไอ้พวกสามบ้าน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้น พวกชั้นอาจจะแย่ได้นะคะ”

“ความจริงเธอน่าจะระดมพล ทหารที่อยู่ในแคว้น แล้วไปจัดการมันนะ ไม่เห็นจะต้องไปที่ซาโกมะเลย”

“ไม่ได้ ในตอนนี้ทหารรักษาการณ์ก็เหลือน้อย ให้อยู่รักษาการณ์แคว้นนั่นแหละค่ะ”

“เออ จริง ไอ้เราก็ลืมไปเลย ชั้นคงจะห้ามเธอไม่ได้แล้วสินะ ระวังตัวด้วย”สาวใหญ่ส่งหน้ากากจิ้งจอกสีขาวดำ แสนประณีตให้ร่างบาง เธอรับมันมาสวม แล้วเดินออกจากห้องไป

ทางด้านซาสึเกะที่ในตอนนี้ ร่างกายได้ขับพิษยาชาไปหมดแล้ว เค้าก็ขอให้ซามุย นำทางไปที่แคว้นเอโดะ

การเดินทางนั้นถือว่ารวดเร็วมากกว่าเดิม เพราะซาอิใช้นก ภาพอสูรสตว์เทียม พาเดินทางไปยังเส้นทางลัดที่ มีหนทางลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพวกเค้าแต่อย่างไร

ซาสึเกะจึงเอ่ยถามซามุยที่นั่งบนนกอีกตัว

“ซามุย นายรู้จักคนที่ชื่อมาโมรุ รึเปล่า”

“มาโมรุไหนขอรับ ในหน่วยมีเยอะอยู่”

“คนที่รู้จักกับ...เบนิ”

ซามูไรหนุ่มนึกอยู่ครู่ “เป็นสายลับที่แฝงตัวเข้ามาในหน่วยตำรวจเอโดะ แล้วได้เข้ามาทำงานร่วมกับ หน่วยองครักษ์น่ะครับ แต่...เค้าโดนจับได้เมื่อเจ็ดแปดปีก่อนน่ะขอรับว่าเป็นสายลับจากพวกกบฏ ท่านเบนิเป็นคนสังหารเองขอรับ ผมรู้แค่นั้น”

“เคยเห็นหน้าตาของหมอนั่นไหม”

“เคยนะครับ จะว่าไปก็คล้ายคุณอยู่นะครับ แต่ ทรงผมเค้าตั้ง เป็นก้นเป็ดน่ะขอรับ”

ซาสึเกะสะอึก ไอ้ทรงผม ก้นเป็ด นี่มัน เค้าชัดๆ

ซาอินึกสงสัยกับสิ่งที่ซาสึเกะเอ่ยถามเช่นเดียวกับอิโนะ แต่สำหรับอิโนะในตอนนี้เธอทำได้แต่ขอให้เพื่อนรักของเธอปลอดภัย ไม่รู้ว่าตอนนี้ ยัยเพื่อนตัวดีไปอยู่ซะที่ไหนกัน

 

อัพแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวสักพักจะมาอัพใหม่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา