Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

9.7

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.

  45 ตอน
  590 วิจารณ์
  87.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

40)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

 

ตอนที่๔๐

 

 

               “นี่เขาเรียกว่าอาหารหรอฟาง”

 

 

               ภาณุยิ้มน้อยๆให้กับข้าวผัดหน้าตาประหลาดตรงหน้า แค่กลิ่นก็ฉุนน้ำปลาซะจนเขา

 

ไม่กล้าตักทาน แถมแม่ตัวดีก็ดันนั่งมองเขาตาใสแป๋วอย่างตั้งความหวัง และดูเหมือเจ้าหล่อนจะ

 

งอนน้อยๆเมื่อเขาถามออกไปแบบนั้น

 

 

               “เอ้ะ! พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เปลี่ยนจากทานข้าวมาทำแผลบนหัวซะหรอก”เขาขำ

 

น้อยๆกับอาการค้อนของหญิงสาว ก่อนจะยื่นมือไปยีผมสีน้ำตาลอย่างอดเอ็นดูไม่ได้

               

 

               “กินก็กิน”เขาหยิบช้อนขึ้นตักข้าวผัดทีหน้าตาน่ากลัวที่สุดขึ้นทานอย่างจนใจ อาจ

 

เป็นเพราะดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ก็เป็นได้

 

 

 

 

               หลังจากมื้ออาหารที่สุดแสนจะทรมานกระเพาะของชายหนุ่มผ่านพ้นไป เมื่อบ่าย

 

คล้อยเข้าสาวๆก็พากันจัดดอกไม้ตามซุ้มงานอย่างสนุกสนาน ภาณุ วิศวะ และภัทรดนัยยังคง

 

ขะมักเขม้นกับการจัดโต๊ะและขนข้าวของที่จำเป็น กิจกรรมดำเนินไปอย่างนั้นจนแสงตะวันค่อยๆ

 

รางเลือนพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่หายลับกลีบเมฆไป

 

 

               “กูว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวไปอาบน้ำละลงมากินข้าวกัน กูสั่งให้คนเอามาให้

 

ละ”ภาณุพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว และคงจะเป็นอย่างที่เขาคิดไม่ทุกคนไม่มีท่าที

 

อิดออด ต่างพากันเดินเข้าบ้านพักไป

 

 

               “เฮ้อ...”เขามองคนตัวเล็กที่ถอนหายใจยาว หากใบหน้าแสนหวานนั้นกลับเปื้อนรอย

 

ยิ้มอย่างที่เขาเคยได้เห็น แต่ไม่ยักชิน เมื่อรอยยิ้มของเธอยังคงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้ง

 

และเขาปรารถนาที่จะเห็นรอยยิ้มแสนหวานนี้ไปอีกชั่วชีวิต

 

 

               “เอ้ ยิ้มอะไรอยู่ได้ ฟางว่าคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”ว่าแล้วมือเล็กๆก็ดึงแก้มเขาเสียแรง

 

ก่อนร่างบอบบางจะวิ่งตัวปลิวเข้าไปในบ้านพัก และเขาก็ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้น

 

ไปจนเธอหายเข้าไปในบ้าน เขาบอกไม่ถูกจริงๆว่าเวลานี้เขารู้สึกดีแค่ไหน...

 

 

 

               หลังจากอาหารมื้อเย็นผ่านไป ภัทรดนัยและวิศวะต่างพาคนรักออกไปเดินย่อยอาหาร

 

ต่างหากภาณุที่ได้แต่นั่งมองเด็กน้อยของเขานอนหลับอุตุอยู่บนโซฟา ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่ดู

 

หนังด้วยกัน และไม่เพราะว่าหนังมันน่าเบื่อเดินไป หรือแม่ตัวดีของเขาเหนื่อยจากการเดินทางกัน

 

แน่ เธอถึงได้เอาแต่นอนแบบนี้ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มของหญิงสาวคนรักด้วยความ

 

อ่อนโยน บอกไม่ถูกเลยจริงๆว่าความรักมันรู้สึกดีแค่ไหน แต่มันดีตรงที่เขาได้รักใครอีกคน มีชีวิต

 

อยู่เพื่อใครอีกคน และมีใครอีกคนที่คอยรักและเป็นห่วงเขา นอกจากมารดาแล้วเขาไม่เคยคิดว่า

 

ตัวเองจะรักผู้หญิงคนไหนได้ขนาดนี้ แต่เมื่อมาเจอกับเธอ...ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไป

 

 

 

               เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อแสงสีทองพาดผ่านท้องนภา สายลมเอื่อยเฉื่อยพัดพา

 

กลิ่นไอของทะเลสดใส เสียงคลื่นสาดกระเซ็นดังขึ้นดั่งนาฬิกาปลุกของเช้าวันใหม่ คุณพรพิมลจะ

 

เดินทางมาถึงที่นี่เวลาประมาณเก้าโมงเช้า ภาณุจึงคิดว่าน่าจะปล่อยให้ธนันต์ธรญ์ได้ทำความรู้จัก

 

กับมารดาของเขาจริงๆ เพราะดูก็ไม่น่ามีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเพราะแม่ก็ดูชอบใจธนันต์ธรญ์ไม่แพ้

 

เขาเช่นกัน แต่ผิดคาดเมื่อท่านไม่ได้เดินทางมาแค่คนเดียว...

 

 

               “สวัสดีครับ”เขายกมือขึ้นไหว้มารดาและครอบครัวตั้งประภาพร และอดไม่ได้ที่จะหัน

 

ไปมองคนตัวเล็กของเขาที่ตอนนี้หน้าซีดลงไปอย่างขาดความมั่นใจ

 

 

               “นั่นใครกันตาป๊อป”น้ำเสียงและสายตาที่คุณทิพย์ธาราถามถึงธนันต์ธรญ์ที่ยืนตัวลีบ

 

ข้างกายเขานั่นทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย

 

 

               “ผมว่าคุณน้าน่าจะเคยเห็นเธอแล้วนะครับ”เขายิ้มอย่างไม่ใคร่ชอบใจนัก แต่ต้องฝืน

 

เพราะเป็นเด็กควรจะนอบน้อมกับผู้ใหญ่ และเขาก็ไม่เคยลังเลเลยเมื่อดึงร่างเล็กมาแนบชิดกาย

 

 

               “นี่ฟางครับ คนรักของผม”เขาสบดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างตื่นตระหนก แต่เขาก็

 

ไม่ได้สนใจนัก เพราะในเมื่อความสัมพันธ์ของเธอและเขามันเป็นเรื่องจริง จะต้องกลัวที่จะต้อง

 

ปิดบังไปทำไมกัน

 

 

               “สวัสดีค่ะ”เธอยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม คุณทิพย์ธารายกมือขึ้นรับไหว้อย่างไม่

 

ใคร่ชอบใจนัก ผิดกับคุณโชติที่เขาเห็นแววตาแปลกๆที่มองธนันต์ธรญ์ด้วยความเอ็นดู ทั้งๆที่มันไม่

 

ควรจะเป็นเช่นนั้น

 

 

               “ไม่ได้เจอหนูฟางซะนานเลยลูก ไปเถอะ แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราตั้งเยอะ”เขา

 

มองธนันต์ธรญ์ที่ถูกมารดาของเขาจับจูงเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีสนิทสนมก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง

 

และดูเหมือนคนที่น่าเห็นใจจะไม่ใช่ธนันต์ธรญ์เสียแล้ว...

 

 

 

 

 

               พิมประภามองหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งคุยกับคุณพรพิมลตรงชายหาดที่มีโต๊ะตั้งอยู่ผ่าน

 

ระเบียงหน้าห้องด้วยความรู้สึกหลากหลาย และแน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธหากจะบอกว่าเธออิจฉา

 

ผู้หญิงคนนี้ ธนันต์ธรญ์นั้นในสายตาของผู้หญิงด้วยกันเธอไม่ปฏิเสธเลยว่าคนรักของภาณุมีหน้าตา

 

ที่น่ารักและสะสวย เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอม แต่ดูจากภายนอกแล้วเธอมีอะไรที่สู้ธนันต์ธรญ์

 

ไม่ได้...

 

 

               “น้องพิม”

 

 

               “พี่พชร”เธอยิ้มน้อยๆให้กับพี่ชายคนเดียว พชรเดินมานั่งเคียงขข้างน้องสาวก่อนจะ

เอ่ยอะไรบางอย่างขึ้น

 

 

               “ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ น้องพิมเห็นหรือยังว่าทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด ถ้า

น้องพิมยอมรับความจริงสักนิด น้องจะเห็นแบบที่พี่เห็น”

 

 

               “พิมเห็นค่ะ แต่...”

 

 

               “เจ็บตั้งแต่ตอนนี้ เจ็บให้มันถึงที่สุด น้องจะได้ไม่ต้องคอยย้อนกลับมาเสียใจอีก พี่

 

เป็นผู้ชาย พี่ดูออกว่าภาณุไม่ได้รักน้อง ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ภาณุเลือกแล้ว หากน้องรักเขาจริง

 

ก็ควรปล่อยเขาไปมีความสุขกับคนของเขา”

 

 

               “เหมือนที่พี่พชรปล่อยคุณฟางไปอย่างนั้นหรือคะ”

 

 

               พชรยิ้มๆน้อย เขายอมรับว่ายังเจ็บปวดทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ความรักมันมีอะไร

 

มากมาย มากกว่าการครอบครองเป็นเจ้าของ และเขาได้ผ่านจุดที่น้องสาวกำลังเผชิญอยู่มาแล้ว

 

และคิดว่าบางทีเขาควรจะบอกว่าเพราะอะไรเขาถึงได้ปล่อยธนันต์ธรญ์ไป

 

 

               “ใช่ค่ะ พี่คงไม่มีความสุขถ้าทำให้คนที่รักต้องลำบากใจ พี่ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของ

 

เธอมากกว่าคราบน้ำตา มันอาจจะฟังดูตลก เพราะนี่มันคือชีวิตจริง แน่นอนว่าพี่คิดอยากจะพราก

 

เธอออกจากอ้อมกอดของภาณุ แต่พอเห็นเธอมีความสุขกับคนที่เธอเลือก...พี่ก็ทำไม่ลง”เขาหัน

 

ไปมองพิมประภาที่กำลังยิ้มเศร้าๆก่อนจะพูดต่อ

 

 

              “ให้ทุกอย่างมันจบลงเถอะค่ะ สักวันน้องพิมจะได้เจอกับคนที่เขารักน้องพิมจริงๆ”

 

นานเท่านานที่หญิงสาวเงียบไป มีเพียงสายลมที่เงียบงันเท่านั้นที่เป็นคำตอบกกลับมา พชรคิดว่า

 

บางทีเขาควรปล่อยให้น้องสาวได้อยู่กับตัวเองเสียบ้าง

 

 

 

 

               สายตาคมกล้ามองลอดผ่านกรอบแว่นตาไปยังร่างบอบบาง ในที่สุด...โชคชะตาก็

 

เมตตาให้คนบาปอย่างเขาได้มีเวลาเพียงเสี้ยวของชีวิตได้พบเจอกับลูกน้อยที่เขาไม่เคยคิดจะ

 

เหลียวแล ธนันต์ธรญ์นั้นช่างงดงามและอ่อนหวานเฉกเช่นพิมพ์ดาว รอยยิ้มของลูกสาวนั้นเหมือน

 

กับแม่ของเจ้าหล่อนเหลือเกิน เขาทำทุกอย่างให้มันพังพินาศไปหมด ความรักและซื่อสัตย์ที่

 

พิมพ์ดาวมีต่อเขา เขาก็ได้ทำลายมันลง ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องเติบโตขึ้นมาโดยขาดพ่อ

 

คงจะเจ็บปวดมิใช่น้อย หากมีโอกาส เขาก็อยากจะบอกให้ธนันต์ธรญ์รู้เหลือเกินว่าพ่อของเธอยัง

 

เฝ้ามองจากมุมนี้เสมอ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนของชีวิตเธอ....

 

เพียงแต่เขาทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น...

 

 

และเขาก็กลัวลูกจะรังเกียจเขาเหลือเกิน....

 

 

 

                                                                                   ....สายลมแห่งตะวัน

 

                                                                                  


มาแล้ววววววว

เง้ออ ตัวหนังสือไม่สวยเลย ต้องมานั่งจัดอีกต่างหาก ทำไมฟร้อนมันไม่เหมือนที่ผ่านๆมาอ่ะ ใครรู้

 

วิธีบอกเราหน่อยน้า ไม่ชอบฟร้อนแบบนี้เลย ต้องมานั่งจัดอีก ไม่สวยอีก บอกหน่อยๆน้า ให้มันเป็นเหมือนตอนที่ผ่านๆมาอ่ะ

 

 

ต่อไปนี้เราจะมาอัพเรื่อยๆละนะ เพราะปิดเทอมแล้ว เย้ ปิดเทอมนี้คงได้นิยายอีกสักเรื่องมั้ง ฮ่าๆ

 

ไหนรีดเดอร์เราอยากอ่านแนวไหนนนน

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา