รักวุ่นวายของยัยตัวแสบ

10.0

เขียนโดย Water_Fall

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.47 น.

  11 ตอน
  12 วิจารณ์
  17.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23.04 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ภาพถ่ายปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  

                   

  ปิ๊ด  ปิ๊ด ปิ๊ดดดดดดด < เสียงนกหวีดดังสนั่นทำเอาพวกหนุ่มๆตกใจตื่นทันที ก่อนที่ทุกคนจะรีบวิ่งไปห้องโถงด้วยสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

 

“นี่เธอ โหดไปหรือป่าวเนี่ย” โทโมะถามด้วยความขุ่นเคือง

 

“หุบปาก นายไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น” แก้วบอกพลางหยิบไม้เรียวขึ้นมาก่อนจะชูให้พวกหนุ่มๆได้เห็น

 

“ยัยบ้า” โทโมะสบถใส่อย่างอารมณ์ไม่ดี

 

“แล้วตกลงเรียกพวกเรามามีอะไรกันแน่” เคนตะถามถึงเหตุผลสำคัญ

 

“เงียบแล้วก็ตามมา” แก้วตอบสั้นๆก่อนจะนำทั้งสี่หนุ่มออกไปข้างนอก

   

    สวนใหญ่ในป่าทึบที่มีแต่ต้นมะพร้าวสูงใหญ่เรียงรายกันเป็นระเบียบ ทางเดินเล็กๆที่รอบล้อมไปด้วยต้นมะพร้าวขนาดเท่าๆกัน ด้านข้างมีทั้งต้นแอปเปิ้ลและแปลงผักขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ที่แห่งนั้น ทางด้านสัตว์ป่าที่เฝ้ามองพวกมนุษย์อย่างใจจดใจจ่อ ต่างให้ความสนใจแก่พวกเขา และมันคงคิดว่า ตัวประหลาดกำลังบุกรุกที่อยู่ของพวกมัน

 

“เอาล่ะ พวกนายเอาสายเคเบิลนี่ไป ต่อจากนี้เรามีภารกิจครั้งใหญ่” แก้วบอกหนุ่มๆเหมือนดังผู้คุมที่กำลังพานักโทษมาเที่ยว

 

“อยากให้ทำอะไรก็มาว่า” โทโมะบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิด

 

“สิ่งที่พวกนายต้องทำก็คือ พวกนายจะต้องไปเก็บมะพร้าวพวกนั้นให้หมด ขั้นตอนก็ง่ายๆ แค่เอาสายเคเบิลที่ฉันให้ไว้ ไปคล้องที่เอว จากนั้นก็นำมันไปมัดกับต้นมะพร้าวให้หลวม แล้วก็ปีนขึ้นไป ฉันจะให้เวลาพวกนายสองชั่วโมง เก็บให้หมด แล้วฉันจะให้ข้าวกิน”

แก้วอธิบายอย่างละเอียดถี่ยิบ ทำเอาความงุนงงปรากฏบนใบหน้าของพวกหนุ่มๆ

 

“ว่าไงนะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่ายๆเลยนะ” เขื่อนบ่นทันที เมื่อเห็นว่า สิ่งที่จะทำมันลำบากเกินกำลังของตน

 

“นายจะขัดขืนคำสั่งหรือไง” แก้วเอ่ยปากอย่างหนักแน่น

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ แต่ว่า” เขื่อนชักไม่แน่ใจ

 

“ไอ้เคนตะมันกลัวความสูงน่ะ มันจะไหวเหรอ” ป๊อปปี้บอกถึงจุดอ่อนของเพื่อนร่วมวงเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจ

 

“แบบนั้นก็ดีแล้วนี่ นายจะได้เลิกกลัวยังไงล่ะ” แก้วกล่าวอย่างเย็นชา

 

“แบบนั้นมันดีซะที่ไหนเล่า” เคนตะสบถใส่

 

    ในขณะที่ทั้งสี่กำลังสนทนาอย่างสนุกสนาน ก็มีคนหนึ่งซึ่งปีนขึ้นไปบนยอดเรียบร้อยแล้ว

 

“เฮ้ยรีบขึ้นมาเร็วๆสิเฟ้ย” โทโมะที่อยู่บนยอดต้อนมะพร้าวตะโกนลงมา

 

“นายคิดเหมือนฉันไหมบีสอง” เขื่อนกระซิบถาม

 

“ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละบีหนึ่ง” ป๊อปปี้บอก

 

“เอาแบบนั้นเลยไหมบีสอง”

 

“แบบนั้นก็ไม่เลวนะบีหนึ่ง”

 

  ทันทีที่ปรึกษากันเสร็จ ป๊อปปี้กับเขื่อนรีบจับเคนตะมัดไว้กับต้นมะพร้าวทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะพยายามดันตัวของพ่อลิงน้อยขึ้นไป

 

“เฮ้ยทำอะไรของพวกแกฟะ” เคนตะโวยวายใหญ่

 

“ถ้าแกไม่ทำ มีหวังพวกฉันโดนยัยนั่นฆ่าตายพอดี” เขื่อนอ้าง

 

“มันเป็นแบบนั้นซะที่ไหนเล่า ถึงฉันจะไม่อยากขึ้นก็เถอะ แต่มาใช้วิธีแบบนี้มันไม่ถูกนะเฟ้ย” เคนตะแย้ง

 

“โอกาสที่นายจะโดนยำมี 99.28%” ป๊อปปี้บอก

 

  จากนั้นทั้งสามก็ปีนขึ้นไปอย่างทุลักทุเล สายเคเปิลที่ดูเหมือนจะแข็งแรง ทำเอาทั้งสามหนุ่มคลายกังวลเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเริ่มปีนขึ้นสูงเรื่อย ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาอุ่นใจมันจะเป็นความคิดที่ผิด ลมที่พัมแรงเริ่มโจมตีพวกเขา ต้นมะพร้าวที่พวกเขาปีนป่ายก็เริ่มสั่นไหวไปตามแรงลม เคนตะที่อยู่ด้านบนตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนไปไหน สร้างความลำบากปนรำคาญต่อหนุ่มทั้งสองที่ตามมายิ่งนัก ในส่วนของโทโมะ ที่ปีนขึ้นต้นมะพร้าวอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเคยทำมาก่อน เขาเริ่มบิดมะพร้าวลูกที่ 399ออก ก่อนจะโยนลงไปสู่เบื้องล่าง ทางด้านหน่วยสนับสนุนที่เป็นลิงก็กรูเข้ามาเก็บลูกมะพร้าวอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้านั้นคงจะเก่งที่สุดสินะ” แก้วบ่นในใจ

 ผ่านไปสองชั่วโมงทั้งสี่หนุ่มก็ทำภารกิจที่แก้วมอบหมายไว้เสร็จ

 

“สนุกหรือป่าวล่ะ” แก้วถามหนุ่มทั้งสี่ที่ยังนั่งหอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

 

“สนุกกับผีน่ะสิ รู้ไหมว่าการที่พวกเราต้องขึ้นไปเก็บมะพร้าวให้เธอเนี่ย มันเสี่ยงแค่ไหน” เคนตะบ่นอย่างโมโหสุดขีด

 

“โอกาสตกลงมามีถึง 92% เชียวนะ” ป๊อปปี้อธิบาย

 

“เชอะ แค่นี้ยังน้อยไป” แก้วพูดเหมือนมีแผนในใจ

 

“ว่าไงนะ ยังจะมีอีกเหรอเนี่ย” เขื่อนว่าอย่างหงุดหงิด

 

“เอาล่ะพวกนาย เห็นมะพร้าวในตะกร้านั่นไหม ฉันจะให้พวกนายขนมะพร้าวพวกนั้นไปที่คฤหาสน์ แล้วก็ ต้องทำให้เสร็จภายใน 15นาทีนะ เข้าใจไหม”  แก้วเริ่มบอกถึงภารกิจต่อไป

 

“อะไรนะ นี่พวกฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเฟ้ย” โทโมะชักจะทนไม่ไหว

 

“นั่นน่ะสิ หิวจะตายชัก” เขื่อนก็บ่นเหมือนกัน

 

“ไม่ไหวแล้ว” เคนตะบ่นอย่างทรมาน

 

“โอกาสหิว 100%” ป๊อปปี้ก็ด้วย

 

“ถ้าอย่างนั้น พวกนายก็กินน้ำแทนข้าวก็แล้วกัน ส่วนคนที่ทำตาม ฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่เลยคอยดู” แก้วว่าพลางเอาขนมที่ซุกซ่อนไว้มาล่อ ทำเอาน้ำลายของสี่หนุ่มเริ่มจะย้อยออกจากปาก

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันสู้ตาย” เขื่อนออกหน้าเป็นคนแรก

 

“ฉันก็เหมือนกัน” เคนตะที่ดูเหมือนจะมีไฟลุกท่วมตัว

 

“ลาขาดนะโทโมะ” ป๊อปปี้บอกลาเพื่อนที่ยังคงนั่งอึ้งอยู่กับที่

 

    20 นาทีผ่านไป พวกหนุ่มๆก็มานั่งหอบที่ห้องอาหาร สายตาอันเป็นประกายของเขื่อน เริ่มจับจ้องไปที่ตู้วางเครื่องครัวทันที ในขณะที่แก้วก็ลงมือทำอาหารอย่างขะมักเขม้น แต่เหมือนโทโมะจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขานั่งหน้าบึงพลางนึกถึงห้องที่มีประตูสีฟ้านั่น

 

“ยัยนั่นมันซ่อนอะไรไว้กันแน่นะ”

 

   จากนั้นไม่นานอาหารที่สาวชาวเขาทำก็เสร็จสมบูรณ์ อาหารสไตล์ตะวันตกถูกเสริฟพร้อมกับน้ำดื่มสีฟ้า สร้างความฉงนปนตื่นเต้นต่อสี่หนุ่มยิ่งนัก

 

“ว้าวเธอก็ทำอาหารเก่งเหมือนกันนี่นา” เขื่อนกล่าวชมก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

 

“มันแน่อยู่แล้วล่ะ” แก้วรับคำอย่างไม่อาย

 

“แหวะ ไม่เห็นจะอร่อยเลย” โทโมะอ้วกออกมาแล้วบ่น

 

“เสียมารยาท นายรู้ไหมกว่าฉันจะทำได้ มันต้องใช้เวลามากแค่ไหน” แก้วโมโหจัดเมื่อเห็นท่าทีของโทโมะ

 

“จะแค่ไหนกัน” โทโมะกล่าวเป็นเชิงดูถูก

 

“คนเมืองอย่างนาย คงไม่รู้คุณค่าของอาหารสินะ เอามา” แก้วเดินหยิบจานที่เพิ่งจะถูกตักออกไปไม่กี่คำออกมา ก่อนจะต่อว่าโทโมะอย่างโมโห

 

“นี่เธอจะเอาข้าวของฉันไปไหน” โทโมะถามอย่างงๆ

 

“ก็เอาไปให้หมาหลังบ้านกินน่ะสิ อย่างนายไม่ต้องกินหรอกของพวกนี้” แก้วบอกจุดประสงค์ และเดินไปหลังคฤหาสน์

 

“เดี๋ยวสิ แต่ฉันยังกินไม่หมดเลยนะ” โทโมะรีบตะโกนตาม

“งั้นนายก็อดไปสิ” แก้วตอบกลับมาอย่างเย็นชา

 

“ชิ ฉันไม่กินก็ได้” โทโมะสบถอย่างหัวเสีย

 

“ เอาน่าไอ้โทโมะ มากินกับฉันก็ได้” เคนตะปลอบเพื่อนตัวแสบของเขา

 

“ไม่เอาหรอก ถ้าทำแบบนั้นมีหวังฉันแพ้ยัยตัวแสบนั่นแน่” โทโมะบอกกับเพื่อน

 

“แต่ฉันว่านายน่าจะแพ้ตั้งแต่ยกแรกแล้วล่ะ” เขื่อนกินไปบ่นไป

 

“อืม โอกาสที่นายจะแพ้มี 99.99%” ป๊อปปี้บอก

 

“เชอะ เอ๊ะจริงสิ ตอนนี้ยัยนั่นไม่อยู่ ฉันว่าพวกเราไปที่ห้องประตูสีฟ้านั่นไหม”

 

โทโมะที่ยังคงค้างคาใจกับห้องลึกลับนั่นไม่หาย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆออกมา

 

“นายไปคนเดียวเถอะ ฉันกลัวยัยนั่นจะฆ่าตายซะก่อน” เขื่อนปฏิเสธทันควัน

 

“นั่นสิ ก็ยัยนั่นเป็นคนบอกว่าห้ามเข้านี่นา” ป๊อปปี้ก็เห็นด้วย

 

“งั้นก็ตามใจ ฉันไปล่ะ” โทโมะบอกลาและเดินจากไป

   

     โทโมะเดินไปที่ห้องลึกลับนั่นอย่างเร่งรีบเพราะกลัวแก้วจะมาพบเขาเข้า เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย แต่พอมองไปข้างหน้าก็พบกับแก้วที่เหมือนจะยืนอยู่ตรงนั่นนานแล้ว

 

“ยัยนั่นมาทำอะไรนะ ดีล่ะ” โทโมะที่เห็นแก้วยืนอยู่หน้าห้องประตูสีฟ้า เขาจึงเกิดไอเดียบางอย่างขึ้น และนั่นก็เป็นจริงเขาค่อยๆย่องเข้าไปอย่างกระชันชิด

 

  จากนั้นไม่นานแก้วก็เปิดประตูที่แตกต่างจากประตูอื่นๆออก และก้าวเข้าไปอย่างเร็ว โทโมะที่คอยอยู่เงียบๆก็รีบวิ่งตามเข้าไปทันที

 

“เอ๊ะก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา” โทโมะที่เห็นสภาพห้องที่เหมือนกับห้องทั่วไปนั้น ทำเขาแปลกใจยิ่งกว่าเดิม และเมื่อไปที่เตียงนอน เขาก็เห็นแก้ว ที่นั่งร้องไห้พลางกอดรูปถ่ายไว้แน่น

 

เธอร้องไห้เหรอ” โทโมะที่เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทันทีที่แก้วได้ยินเสียงเอ่ยของเขา เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก เธอรีบซ่อนรูปถ่ายไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถามเขาอย่างโมโห

 

“นายมาที่นี่ทำไม เอ๊ะแล้วใครใช้ให้นายมาที่นี่ห่ะ” แก้วถาม และเหมือนควันจะเริ่มออกจากหูเธอ

 

“ถ้าไม่มาจะได้เห็นช๊อตเด็ดเหรอ หน้าอย่างเธอก็ร้องไห้เป็นเหมือนกันเหรอเนี่ย ว่าแต่ ไอ้รูปที่เธอดูอยู่น่ะ รูปใครหรอ “ โทโมะเอ่ยถึงรูปถ่ายสำคัญของแก้ว

 

“อย่ามายุ่ง” แก้วทำทีปฏิเสธและไล่ตะเพิดเขาออกไปอย่างไว

 

“เชอะ” โทโมะทำท่าไม่สนใจ ก่อนที่เขาจะปลีกตัวออกไปทันควัน ในขณะที่แก้วก็หยิบรูปถ่ายออกมาจากที่ซ่อนแล้วนำไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะพูดกับรูปถ่ายใบนั้น

 

“ถ้าเกิดไม่มีคนพวกนั้นแล้วล่ะก็ พี่คงไม่ต้องไปใช่ไหม”

 

   เอ๊ะ แล้วรูปถ่ายนั่นเป็นรูปใคร ติดตามตอนต่อไปครับ

 

 

 

   

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา