เอล คนทะลุมิติ chapter 1

-

เขียนโดย pong43

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.

  48 ตอน
  0 วิจารณ์
  48.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

18) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 18

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภูตินรก

 

ภูตินรกมีหน้าที่อย่างหนึ่งคือพรากจิตของมนุษย์สู่นรก จิตซึ่งทำบาปไว้มากจะเป็นอาหารอันโอชะซึ่งเพิ่มพลังให้กับมัน ความสามารถอย่างหนึ่งของภูตินรกคือการเห็นอายุขัยของมนุษย์ทุกคนบนโลก หากแต่การกินจิตของมนุษย์ซึ่งยังไม่ถึงฆาตจะทำให้มันต้องสูญเสียพลังอำนาจไปอย่างมหาศาล

..................................................................................................................................................

 

ร่างนั้นยืนทะมึนอยู่ตรงหน้า ชุดคลุมที่คลุมเหนือศีรษะทำให้มองไม่เห็นหน้าของมัน

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” จิตนักโทษร้องลั่นและวิ่งหนี

                “ไอ้บ้า แกพามันมาหาฉัน” เอลร้องลั่นวิ่งหนีไปอีกทาง

เขาวิ่งฝ่าเข้าไปท่ามกลางผู้ชุมนุมซึ่งเบียดเสียดกันอยู่ เพราะเขารู้ว่าปีศาจไม่ได้อยู่ในมิติโลกคงไม่ทำร้ายผู้คนในบริเวณนั้นหรอก

เขาหันไปดูก็พบว่าร่างทะมึนนั้นเดินตามเขามา มันทาบทับผู้คนพวกนั้นแต่ไม่ได้ทำอะไรคนพวกนั้นจริงๆ

เขาเข้าสู่โลกต่างมิติวิ่งผ่านทะลุคนพวกนั้นเช่นกัน

ต้องหนีมันได้สิน่า...

เขาหันกลับไปก็เห็นปีศาจกำลังดึงโลหะวาววับออกมาจากทางด้านหลัง  

อะไรกันวะ...

โลหะชิ้นนั้นโชว์ส่วนโค้งและปลายแหลมของโลหะ มันคือเคียวปีศาจอันใหญ่โต คมเคียวนั้นสะท้อนแสงสว่างไสว มือปีศาจซึ่งมีแต่กระดูกจับด้ามเคียวซึ่งทำด้วยไม้ มันตามเขามาหมายเอาชีวิต

                “ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยนะ ไปให้พ้นนะ”

          เอลหันไปก็พบว่าผ้าคลุมบนศีรษะของปีศาจเลิ่กขึ้น เขาเห็นหน้าตาของมันแล้ว

“กระโหลกผี”

กระโหลกผีมีเขี้ยวแหลมสองเขี้ยวอ้าปากกว้างอย่างน่ากลัว

“หึหึหึ”

“ไอ้บ้า” เอลร้องลั่นขณะที่จิตนักโทษวิ่งกลับมาเข้ามาหาและล้มกลิ้งไปกับพื้น

เขาหยุดวิ่งและช่วยดึงจิตนั้นขึ้นมา

          “ลุกขึ้นมาสิ” เอลร้องลั่น  

                ปีศาจทะลุร่างผู้คนเข้ามาถึงตัวเขาและนักโทษแล้ว

หนีไม่พ้นแล้ว...

มันยกเคียวปีศาจใหญ่โตขึ้นเหนือศีรษะในท่าเตรียมพร้อม คมเคียวนั้นสะท้อนแสงเข้าตาของเอลจนต้องยกมือขึ้นปิดหน้า

                “อย่าฆ่าฉันนะอย่าาาาาาาา” จิตนักโทษได้แต่ร้องไม่มีแรงวิ่งหนีแล้ว

เอลกระชากจิตนั้นลากออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ปีศาจกลับย่างสามขุมเดินจ้ำเข้าหาทั้งสองพร้อมกวัดแกว่งเคียวปีศาจไปมาเหนือศีรษะ

                “วิ่งเร็วเข้า”

                เขาวิ่งหนีหน้าตั้ง แต่กลับพบว่าร่างปีศาจวิ่งมาขวางหน้าเขาไปไม่ถึงสิบก้าว       

                “เฮ้ย ทำไมมันเร็วอย่างนี้”

เขาหยุดชะงัก รู้ว่าหากปีศาจใช้ความเร็วได้เช่นนี้ คงหนีไม่รอดแน่..

เขากระชากจิตนั้นวิ่งกลับไปทางเดิม

“หนีไม่พ้นมันแล้วๆๆ” จิตนักโทษเอาแต่ร้องลั่นและวิ่งไปอีกทาง

เอลไม่มีเวลาสนใจอีกแล้ว เขาคิดว่าตั้งแต่ท่องในโลกต่างมิติมาไม่เคยพบกับเจ้านี่มาก่อน

มันคือภูตินรกอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเหลียวหลังกลับไปดูก็พบว่ามันลอยตัวพริ้วอยู่เหนือร่างจิตนักโทษนั้นกำลังลงมือแล้ว

จิตนั้นร้องลั่นไม่เป็นเสียง เมื่อเคียวปีศาจฟันลง

          “อย่าฆ่าฉันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

          มันฟันผ่าลงกลางจิตอย่างไม่ปราณี

          “อ๊ากซ์ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ์”

จิตนั้นถูกแยกออกเป็นสองซีก ไฟไม่มีที่มาก็โหมลุกท่วมจิตนั้นอย่างรุนแรง เผาผลาญจิตนั้นมอดไหม้จนกลายเป็นอากาศธาตุหายไปจนหมด

                ร่างทะมึนนั้นมองมายังเอลและแสยะยิ้ม

“หึหึหึ”

          “แก....”

มันยกเคียวขึ้นและค่อยๆ ควงอย่างช้าๆ และเร็วขึ้นจนกลายเป็นวงกลมที่มีความเร็วสูง มันออกแรงเบาก็ขว้างเคียวนั้นเข้าหาเขา

                “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

                เอลหยุดวิ่งความประหวั่นพรั่นพรึงทำให้เขาชะงัก ขณะที่กงจักรเคียวพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว

                “อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค”

          เขาร้องลั่นสุดขีดเสียง

จู่ๆ เขาก็เห็นผ้าสีแดงผืนหนึ่งโบกสะบัดผ่านหน้าของเขาไป ผ้าคลุมสีแดงใหญ่พุ่งมาขวางเคียวกงจักรนั้นไว้ เขาหลับตาปี๋ สติของเขาก็หลุดลอยไปตั้งแต่นั้น

          ..............................................................................................................................

 

“เป็นอะไรหรือพ่อหนุ่ม”

                เอลรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนอนอยู่ที่พื้น ชายมีอายุคนหนึ่งกำลังประคองร่างของเขาขึ้นมาและใช้ยาดมบำบัดให้เขารู้สึกดีขึ้น มีคนยืนมุงกันหลายคน ชายผู้นั้นจึงร้องตะโกนขึ้น

                “อย่ามุงๆ ถอยออกไปให้หมดเร็ว”

                “ผมอยู่ที่ไหนกันนี่ๆ” เอลเอ่ยปากถาม

                “จู่ๆเธอก็ล้มลงที่พื้น พวกเราก็ช่วยปฐมพยาบาลเธอจนฟื้นขึ้นมานี่ไง” ชายแก่คนนั้นบอกเอล

                เอลมีอาการอิดโรย เขาคิดว่าตนเองรอดจากภูตินรกมาได้อย่างไรกัน

ผ้าคลุมสีแดง...

ผ้าคลุมสีแดงเข้ามาขวางเอาไว้ ไม่งั้นเขาคงตายไปแล้ว

เขาคล้ายกับว่าจะเห็นหน้าใครสักคน เจ้าของผ้าสีแดงนั้น   

                เขามาช่วยเราหรือนี่....

                ......................................................................................................................................................................

หลังจากที่นั่งพักอยู่สักครู่ใหญ่ เอลยืนรอเรียกรถแท๊กซี่เพื่อกลับบ้าน เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าชายที่มีผ้าคลุมแดงนั้นอาจจะเป็นแค่ภาพหลอน

เขาเอามือตบท้ายทอยเบาๆ

จำอะไรไม่ได้..จำอะไรไม่ได้เลย..

เขามองที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งกำลังพึมพำประโยคเดียวกันอยู่

จำอะไรไม่ได้เลย..

คนเมื่อกี้นี้นี่นา..

เอลจำชายหนุ่มได้

จำอะไรไม่ได้เลย...

เอลมองเขาก่อนที่จะเรียกรถแท๊กซี่ได้คันหนึ่ง เมื่อรถออกตัวก็ขับผ่านหน้าชายหนุ่มคนนั้น

.........................................................................................................................................................

ชายหนุ่มผู้ไร้ความทรงจำ

เมื่อครู่นี้เขาเห็นเอลนอนแผ่หลาหมดสติอยู่ที่พื้นจึงเข้าช่วยปฐมพยาบาล แต่เมื่อเอลเริ่มรู้สึกตัวเขาจึงลุกขึ้นและเดินจากไป

เขามองเอลขึ้นรถแท็กซี่ผ่านไป เมื่อเขาล้วงมือเข้าในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตก็พบกระดาษเล็กๆใบหนึ่ง

                “นาห์ม ไรม์วา บรรณารักษ์ของหอสมุดเฮเว่นวิงก์”

ชายหนุ่มขยำกระดาษนั้นทิ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นป้ายของผู้ชุมนุมคัดค้านลอยเด่นอยู่ตรงหน้า

“ลีโอ”

ป้ายเรียกร้องให้หยุดโทษประหารชีวิตให้ลีโอแกว่งไกวอยู่เหนือศีรษะ

ลีโอ

เขาติดใจคำว่าลีโอ

หรือว่าเราชื่อลีโอ..

เราไม่ได้ชื่อนาห์มนั่นหรอก...

ชายหนุ่มรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้น เขาหันหลังเดินออกจากที่ชุมนุมนั้น

ห้าวันแล้วนะ..ทำไมยังจำอะไรไม่ได้สักที..มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่..

เขาตัดสินใจกลับบ้านพักผ่อน เขาคิดว่าบ้านหลังนั้นคงเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาไปอีกนาน ตราบใดที่เจ้าของบ้านยังไม่ปรากฏตัวออกมาไล่เขา

“กลับดีกว่า สักวันคงนึกอะไรได้บ้างแหละ”

เขาเดินไปเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวเข้าเมืองเพื่อกลับบ้านซึ่งเขาเองยังไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านของใคร

หาอะไรอร่อยกินก่อนดีกว่า ตรงนั้นมีตลาด...

เขาคิดในเชิงบวกว่าความทรงจำที่สูญหายไปนั้น สักวันก็คงจะกลับมา

หิวข้าวแล้ว...

................................................................................................................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา